"นักเลงเมายา" ตีขาหัก ร้องสื่อคดีไม่คืบ ตะโกนลั่น "ตำรวจหน้าก็ไม่กล้าจับ"
4 ก.ย. 2566, 11:49

ที่ อ.เพ็ญจ.อุดรธานี ชาวบ้านร้องสื่อ ผวานักเลงประจำหมู่บ้านคลั่งเมาเหล้าผสมเมายา อาละวาดตีจนขาหัก คาดไม่พอใจไปร่วมวงลาบเป็ดเสร็จจากดำนา เมาในวงแล้วคลั่งชี้หน้าด่าคนไปทั่วแต่ถูกไล่กลับบ้าน สองผัวเมียภรรยาเผยเดือนกว่า คดีไม่คืบ คนร้ายยังลอยนวล แถมกร่างพูดไปทั่วหมู่บ้าน ตร.อุดรหน้าไหนก็ไม่กล้าจับกูววว์
วันนี้ (3 ก.ย.66) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านแห่งหนึ่งในอ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ว่าถูกขาโจ๋ประจำหมู่บ้านเดินสายกินเหล้าเบียร์ หลังดื่มได้ที่ดันเกิดคลั่งและหลอนยาใช้เหล็กตีเพื่อนในวงเหล้าจนขาหัก เดือนกว่าคดีไม่คืบหน้า ตร.บอกรอผลตรวจสอบประวัติก่อน ขณะที่ขาโจ๋ยังท้าทายตร.อุดรหน้าไหนก็ไม่กล้าจับกู ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับน.ส.จรัสทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี และนายนิกร อายุ 33 ปี สองสามีภรรยา ชาวอ.เพ็ญจ.อุดรธานี โดยนายนิกร หรือ “ต้อม” ที่ถูกขาโจ๋ในหมู่บ้านเมายาตีจนขาหัก เพิ่งเข้ารับการรักษาพยาบาลผ่าตัดหลังโดนตีจนขาหัก หมอได้นำเหล็กดามที่บริเวณขวาด้านขวา และให้ออกจากรพ.มาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
นายนิกร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ตนและภรรยาได้ไปเช่าทำนา เมื่อดำนาเสร็จก็เลยมาซื้อเป็ดมาลาบกินที่ทุ่งนาร่วมกับเจ้าของนาที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ไม่นานปรากฏว่านายสัตยา ขุมทอง หรือ “สน” อายุ 35 ปีขาโจ๋ประจำหมู่บ้านขี่รถจยย.มากับเพื่อนอีก 1 คนขอร่วมวงกินลาบเป็ดและสังสรรค์ด้วย พวกตนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถือว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน แต่กินไปได้สักพักพอเมาได้ที่ ปรากฏว่าเหมือนนายสนของขึ้นเหมือนคนคลั่งยาชี้หน้าด่าทุกคนในวง ไอ้พวกพยาธิทั้งหลาย คนในวงก็ตกใจทำไหมเป็นแบบนี้ ตนเองก็เลยบอกให้นายสนกลับบ้านไปซะ หากจะมาสร้างความวุ่นวายแบบนี้ นายสนก็กลับไป ส่วนตนเองก็พาลูกพาเมียกลับมาที่บ้าน ไม่นานปรากฏว่านายสนกลับมาอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลงถือของแข็งคล้ายเหล็กวิ่งมาหาตน ก็เกิดการต่อสู้ชุลมุนเกิดขึ้น สักพักตนเองรู้สึกขาเจ็บ มองไปดูขาด้านขวาปรากฏว่าขาหัก 2 ท่อน ภรรยาได้เรียกรถกู้ชีพนำส่งรพ.เพ็ญแล้วส่งไปรักษาต่อที่รพ.ค่ายประจักษ์ เพิ่งออกมาพักฟื้นที่บ้านสามสี่วันนี่เอง
ผมสงสัยว่าเขามาทำร้ายผมทำไม ทั้งที่ไม่มีเรื่องมาก่อน เห็นเป็นคนบ้านเดียวกัน ขับรถผ่านมาขอร่วมวงกินลาบเป็ดกินเครื่องดื่มด้วย เราก็ให้ แต่พอเมาแล้วเป็นคนอื่นอาละวาดและทำร้ายตนเอง อยากจะให้ตร.ติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้เพราะผ่านมาเดือนกว่าแล้ว คนร้ายยังลอยนวล
ทางด้าน น.ส.จรัสทิพย์ ภรรยานายนิกร บอกว่า สาเหตุที่นายสนทำร้ายสามี น่าจะมาจากสามีตนเองไล่ให้กลับบ้านหลังจากเมาแล้วชี้หน้าด่าคนในวงลาบเป็ดไปทั่ว คาดคงหลอนยา พอนายสนกลับบ้านแล้วกลับมาหาเรื่องสามีที่บ้านใช้เหล็กตีสามีจนขาหัก ที่ตนเองติดใจตอนนี้คือ ไปแจ้งความแล้ว ร้อยเวรเจ้าของคดีบอกว่า รอผลตรวจประวัติผู้ต้องหาก่อนให้พวกหนูใจเย็นๆ จะให้ใจเย็นได้อย่างไร ตอนนี้นายสนยังขี่รถรอบหมู่บ้านและยังท้าทาย ตร.อุดรหน้าไหนจะกล้าจับกู กูไม่กลัว แต่พวกเรากลัวต้องย้ายจากบ้านที่อยู่มาอยู่อีกหมู่บ้านกับน้องชาย สำหรับนายสนเป็นขาโจ๋ประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านรู้ว่าเป็นคนอย่างไร ขนาดพ่อแม่ยังตัดขาดพ่อลูกกันแล้ว เราอยากให้ตร.จับกุมนายสนดำเนินคดีให้ด้วย เพราะเกรงความปลอดภัย ตอนนี้สามีก็ไม่ได้ทำงานเพราะขาหัก ลูกสาวก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะพากันย้ายบ้านหนี ส่วนตนเองก็ไปรับจ้างวันเว้นวันเพราะต้องดูแลสามี อยากจะขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวตนด้วย เราไม่ต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่อยากจะดำเนินคดีผู้ก่อเหตุคนนี้กับเพื่อน 2 คนให้ถึงที่สุด
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังพนักงานสอบสวนฯ เจ้าของคดี แจ้งว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกำลังอยู่ระหว่างสอบสวนและดำเนินการเรื่องคดี โดยวันเกิดเหตุคือวันที่ 29 ก.ค.66 พอวันที่ 30 ก.ค.66 ตร.ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ออกหมายเรียกบุคคลทั้ง 2 คน โดยเฉพาะนายสนได้มามอบตัวกับตร.เมื่อวันที่ 13 ส.ค.66 ที่ผ่านมา และเพิ่งได้ใบตรวจสอบประวัติเมื่อวันศุกร์ที่ 1 ก.ย.66 นี้ แจ้ง 2 ข้อหา “ทำร้ายร่างกายผุ้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและบุกรุกเคหสถานยามวิกาล” จะดำเนินคดีแน่นอน โดยวันจันทร์จะทำเรื่องเสนอ ผกก.และส่งเรื่องอัยการเพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป ทางตร.เราไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องคดี ส่วนที่นายสนขาโจ๋ประจำหมู่บ้านพูดว่าไม่มีตร.หน้าไหนกล้าจับกู มันก็พูดไปเรื่อยเท่านั้นเอง