นายกฯ มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ กรณีเกิดอัคคีภัย ตำบลมูโนะ จำนวนกว่า 107 ล้านบาท
23 ส.ค. 2566, 10:21
วันนี้ (23 สิงหาคม 2566) เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี กรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิดและเกิดอัคคีภัย ในตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จำนวน 107,881,995.23 บาท แบ่งแยกออกเป็น 2 รายการ ดังนี้ 1. ซ่อมและสร้างบ้านจำนวน 100,466,995.23 บาท และ 2. ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 7,415,000 บาท ให้กับนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้แทนรับมอบเงินดังกล่าว เพื่อนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยและครอบครัวผู้ประสบภัยต่อไป โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยาน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการมอบเงินฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ทั้งด้านทรัพย์สินและจิตใจ พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัยและครอบครัวผู้สูญเสีย รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เสียสละ ทุ่มเท ทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อแก้ไขปัญหา
นางสาวรัชดากล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาล พร้อมให้ความช่วยอย่างเต็มที่ในทุก ๆ ด้าน อย่างดีที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัย ให้มีกำลังใจและกำลังกายที่ดีขึ้น กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาเงินช่วยเหลือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกก้อนหนึ่ง สำหรับเงินบริจาคจากประชาชน ขอให้บริหารจัดการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประสบภัย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอส่งความปรารถนาดี และความห่วงใย ในนามของนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และประชาชนคนไทยทุกคนไปยังผู้ประสบภัยและพี่น้องชาวมูโนะ ให้เข้มแข็งก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน พร้อมกับเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนระมัดระวัง ไม่ให้เหตุการณ์สูญเสียแบบนี้เกิดขึ้นอีก