ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีการโพสต์ภาพในเฟสบุ๊คของผู้ใช้นามว่า ไขแสง  สุรวิทย์ เกี่ยวกับเตือนภัยแก๊งค์มิจฉาชีพ ที่มีขับรถมาเฉี่ยวชนรถของตนเองแล้วเรียกเงินค่าเสียหาย แต่คนร้ายพบว่า รถของนายไขแสง มีกล้องหน้ารถ คนร้ายมองเห็นจึงได้ขับรถหนีไป มีสมาชิกเฟสบุ๊คเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2566  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านอีปาด ต.อีปาด อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นบ้านของ นายไขแสง สุรวิทย์ อายุ 65 ปี เป็นชาวบ้านอีปาดที่เป็นผู้ประสบเหตุ ได้เล่าเหตุการณ์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 ส.ค. 2566  ขณะนั้น  ตนขับรถไปรับหลานมาจากตัว จ.ศรีสะเกษผ่านมาทาง อ.ยางชุมน้อย เพื่อเดินทางกลับมาบ้านของตนที่บ้านอีปาด อ.กันทรารมย์ มีลูกหลานนั่งมาในรถของตนรวม 7 คน เมื่อมาถึงบริเวณบ้านโนนสูง ต.บึงบอน อ.ยางชุมน้อย  ได้มีรถปิคอัพ  2 คัน วิ่งอยู่ด้านหน้าและด้านหลังรถปิคอัพของตน และรถปิคอัพทั้ง 2 คันได้ขับมาประกบกับรถของตนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยรถปิคอัพด้านหน้าได้พยายามขับรถอย่างช้าๆ เพื่อต้องการให้ตนแซงขึ้นไป  ซึ่งรถปิคอัพที่อยู่ด้านหลังได้บีบแตรไล่ เพื่อต้องการให้ตนแซงขึ้นไป  เมื่อตนเปิดไฟเลี้ยวแซงขวาขึ้นไป และได้แซงเกือบพ้นแล้ว รถที่ตนแซงขึ้นมา ได้ขับมาเฉี่ยวฝั่งซ้ายท้ายรถของตน

จากนั้นรถของคนร้ายได้ขับมาปาดหน้าจอดรถด้านหน้าของตน ซึ่งตนได้ลงไปดูความเสียหายของรถตนเองที่ถูกชน ต่อมาคนร้ายได้ลงมาจากรถแล้วมายืนชี้หน้า ด่าว่าตนด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมาก  ตนจึงได้ต่อว่าตอบโต้ไป และดูรถของคนร้ายแล้วพบว่า มีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนมาก่อนแล้ว  จึงเชื่อว่า เป็นแก๊งค์มิจฉาชีพชนแล้วตบทรัพย์ จากนั้น คนร้ายเหลือบเห็นกล้องหน้ารถของตน คนร้ายจึงได้ขึ้นรถแล้วขับกลับรถหลบหนีไปทันที ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ตนได้แจ้งให้ นายทองชุ่น สุรวิทย์ กำนันตำบลอีปาด อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ทราบ  ซึ่งกำนัน ต.อีปาด   ได้แจ้งให้ ตร. สภ.กันทรารมย์ และแจ้งให้ นายอำเภออำเภอกันทรารมย์ ได้รับทราบเพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางระหว่างอำเภอกันทรารมย์ – ยางชุมน้อย ให้ใช้ความระมัดระวังเรื่องนี้ต่อไป

นายไขแสง  ชาวบ้านอีปาดที่ผู้ประสบเหตุ  กล่าวต่อไปว่า  จากเหตุการณ์นี้ ตนทราบข่าวมาว่า คนร้ายจะจ้องรถเหยื่อที่มีรถสภาพค่อนข้างเก่า และเป็นคนแก่ที่ขับรถมา เนื่องจากคาดว่า รถเก่า ๆ จะไม่มีกล้องติดหน้ารถ จึงตกเป็นเหยื่อของแก๊งค์มิจฉาชีพนี้มาโดยตลอด และตามเส้นทางนี้ มีรถของประชาชนตกเป็นเหยื่อแล้วประมาณ 20 ราย  ตนจึงขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทางนี้ทุกคนว่า หากพบเห็นรถคันไหนขับช้า ๆ  อย่าพยายามขับแซงทางเปลี่ยว  เพราะว่าบางทีรถแก๊งค์นี้จะมา  2 – 3 คัน หากเราแซงจะบีบแตรไล่ทันที  เพื่อให้เราหลบข้างทางแล้วรถของมิจฉาชีพจะเบียดรถของเราทันที เพื่อหวังเรียกเงินค่าเสียหาย  หากพบเห็นเหตุการณ์นี้ ให้แจ้ง ตร.ที่โทร. 191  หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ใกล้ที่เกิดเหตุทันที เนื่องจากเรื่องนี้ เคยเกิดขึ้นตามเส้นทางนี้มาแล้วหลายครั้ง