ผู้สื่อข่าวรายงานการเข้าถ้ำมันช้างในรอบที่ 2 อย่างเป็นทางการ โดยหลังจากการสำรวจตรวจสอบครั้งแรก ปรากฏว่าบรรดาลูกศิษย์วัด ได้ทำการสำรวจ ตรวจสอบกันเองจนสามารถทะลุทะลวงเขาไปในถ้ำไดระยะทางประมาณ 150 เมตร โดยมีชาวบานที่เคยเข้ามาหาขี้ค้างคาวไปทำปุ๋ยใส่พืชผักสวนครัวเมื่อ 8 ปีก่อนร่วมเดินเข้าไปสำรวจภายในถ้ำด้วย แม้ภายในถ้ำจะมืดและมีกลิ่นสาปสางจากขี้คางคาว และพบว่าภายในถ้ำในภาพรวมมีความชื่นสูง คณะต้องใช้ไฟฉายและเทียนพรรษาส่องสว่างนำทาง ในช่วงแรกคณะต้องเดินไปตามโขดหินระยะทางประมาณ 30 เมตร และต้องใช้บันได้เหล็กพาดปีนขึ้นชั้น 2 ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปประมาณ 5 เมตร จากนั้นเดินไปตามเส้นทางระหว่างซอกหินกว้าง 3-5 เมตรก็ทาง 3 แยก ๆ แรกลงไปยังถ้ำค้างคาว ความยาวประมาณ 40 เมตรลึกประมาณ 5-6 เมตร

ภายในถ้ำเป็นลานกว้างจุคนได้ราว 30-40 คน บนผนังถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวผีจำนวนนับแสนตัวถ่ายมูลลงมาบนพื้นจนลานถ้ำสูง 1 เมตรคาดว่ามีขี้ค้างคาวอยู่นับ 10 ตัน  ส่วนทางแยกที่ 2 เลี้ยวขวาและเดินลงไปประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร  โดยในชั้นนี้พบก้อนหินขนาดใหญ่หนักประมาณ  1-1.5 ตันตีนรูปร่างล้ายมนุษย์โบราณ หรือ “คิงคอง” หมอบกราบเฝ้าปากถ้ำอยู่ภายในถ้ำมีค้างอาศัยอยู่ไม่มากนัก ส่วนผนังถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา สายงามวิจิตตระการตาเป็นอย่างมาก  รวมระยะทางจากปากถ้ำด้านนอกที่คณะเข้ามาถึงประมาณ 300-350 เมตรพบว่าเป็นทางตันเดินต่อไปไม่ได้ แต่พบว่ามีอากาศถ่ายเทเข้ามาทางช่องซอกหินจนเย็นสบาย  คณะจึงยุติการสำรวจและทยอยเดินกลับลออกมาจากภายในถ้ำอย่างยากลำบากและทลักทุเล 

พระมหาอารยนันต์ กล่าวสรุปความคืบหน้าในสำรวจถ้ำมันช้างว่า  แน่นอนว่าทางวัดจะพัฒนาถ้ำมันช้าง หรือ“ถ้ำมหาเทวราชกุญชรนครคีรี”เป็นเส้นแหล่งท่องเที่ยว สถานปฏิบัติธรรมและทางศึกษาธรรมชาติ จะทำเส้นทางเดินด้านนอกไปเชื่อมกับถ้ำลมสถานปฏิบัติธรรมที่มีอยู่เดิม จะพัฒนาทางขึ้นและติดตั้งไปส่องสว่างทั้งภายนอกและภายในถ้ำ  เพื่อให้สามารถขึ้นมาท่องเที่ยวไกด้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่พบและเกิดประโยชน์อย่างแน่นอนคือ “ขี้ค้างคาว” ซึ่งในอดีตถือว่าเป็นปุ๋ยจากธรรมชาติที่มีคุณภาพมากที่สุด  จึงเสาะหานำไปใส่พืชผลทางการเกษตรทุกชนิด

ในปัจจุบันก็ยังเป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์สูตรต่าง ๆ  คาดว่าภายในถ้ำมันช้างมีปุ๋ยอินทรีย์ขี้ค้างคาวอยู่นับ 10 ตัน ทางวัดจะส่งเสริมให้ลูกศิษย์วัดลงไปขุดนำปุ๋ยอินทรีย์ขี้ค้างคาว ขึ้นมาใส่พืชผักที่โครงการ “โคกหนองนา” ของวัด และพืชผล ต้นไม้ พันธุ์ไม่อื่น ๆ ที่มีอยู่ภายในวัด ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์ที่จำหน่ายในทองตลาด  อย่างไรก็ตาม 1 กระสอบหนักประมาณ 35-40 กก.ทางวัดจะรับซื้อจากลูกศิษย์วัดกระสอบละ 200 บาท ในขณะนี้ลูกศิษย์วัดขุดตักใส่กระสอบไว้ได้แล้วเกือบ 200   กระสอบ ลูกศิษย์วัดจะมีรายได้ 40,000 บาทไปแบ่งปันกัน โดยจะทยอยนำขึ้นมาจากถ้ำต่อไป และขุดใส่กระสอบเพิ่มสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับลูกศิษย์วัดต่อเนื่องต่อไป 

สำหรับเลขหางประทัดที่จุดถวาย ฯในการสำรวจวันแรกได้แก่เลข 94-276 ยังเป็นเลขยอดนิยมที่บรรดาคอหวยนำไปเสี่ยงโชคหวยงวดวันที่ 16 ส.ค.นี้ต่อไป โดยเมื่อเดินทางกลับลงมาถึงด้านล่างพบนักท่องเที่ยวและประชาชนรวมทั้งบรรดาคอหวยจำนวนมากมารอรับ และสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งเลขหางประทัด ที่ทุกคนจะนำไปเสี่ยงโชคต่อไป.