ศาลสั่ง กกต. เเจง 8 ข้อ พิธา ถือหุ้นสื่อ นัดฟังคำสั่ง 25 ก.ย.
8 ส.ค. 2566, 14:56
ศาลสั่ง กกต. เเจง 8 ข้อ พิธา ถือหุ้นสื่อ นัดฟังคำสั่ง 25 ก.ย.
วันที่ 8 ส.ค.66 มีรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.116/2566 ที่ นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ทนายความยื่นฟ้อง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการ ก.ก.ต. กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐโดยทุจริต เจตนาร่วมกัน ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 วันนี้โจทก์และทนายโจทก์ มาศาล โจทก์ยื่นคําร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ฉบับ 3 ส.ค.
โดยศาลพิเคราะห์คำร้องเห็นว่า โจทก์ตรวจสอบเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พบรายชื่อประธานและ กรรมการการเลือกตั้งเหลือเพียง 6 คน จึงเชื่อว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกเพียงแค่นั้น
ต่อมาตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานอื่นหลายหน่วยงาน จึงพบข้อมูลที่ถูกต้องจากเว็บไซต์ของไทยพีบีเอส ในคอลัมน์ “เปิดประวัติ กกต.” จึงทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานและ กรรมการการเลือกตั้งรวม 7 คน
การระบุชื่อ นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 8 ตามคำร้องนี้ โจทก์บรรยายพฤติกรรมการร่วมกระทำความผิดของคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ครอบคลุมแล้ว แสดงให้ เห็นว่าโจทก์มีเจตนาจะฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนเป็นจำเลย เพียงแต่ไม่ได้ระบุตัวผู้ถูกฟ้องคดี ให้ครบถ้วน
เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป การขอแก้ไขฟ้องของโจทก์จึง ไม่ต้องห้าม อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องแต่เพื่อความสะดวกในการพิจารณาของศาล ให้เรียก นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 7 และให้เรียก นายแสวง บุญมี จากเดิมจำเลยที่ 7 เป็นจำเลยที่ 8
ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์และรายงานเจ้าพนักงานคดีขั้นตรวจฟ้องฉบับลงวันที่ 24 ก.ค. แล้ว เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 8 พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐาน ให้ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 จึงมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้อง โดยระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดตัวบุคคล เอกสาร หรือวัตถุตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้ง 8 กระทำผิดตามฟ้อง พร้อมเสนอหรือชี้ของพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงตามฟ้อง โจทก์ รวมถึงพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1.ให้โจทก์แก้ไข เพิ่มเติมคำฟ้องถึงชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ให้ถูกต้องและเพื่อมิให้เป็น การฟ้องคดีผิดไปจากบุคคลที่โจทก์ประสงค์ฟ้องคดีนี้ให้โจทก์ส่งสำเนาทะเบียนราษฎรของจำเลยทั้งแปด ให้ครบถ้วน โดยแนบมากับคำฟ้องฉบับที่แก้ไขใหม่ต่อศาล
2.ให้เพิ่มเติมถึงระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด และระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8 นับตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
3.ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งแปดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ และเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเหตุใดและตามกฎหมายใด พร้อมทั้งชี้ซ่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
4.ให้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลยที่ 1-7 เป็น รายบุคคลที่เกี่ยวพันกับการออกประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตร เลือกตั้ง การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่การสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นหน้าที่ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
5.ให้บรรยายเพิ่มเติมถึงการประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งของเดิมเป็นอย่างไร และที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศเป็นอย่างไรแตกต่างกัน อย่างไร ส่วนใดที่ทำให้ประชาชนหรือโจทก์เกิดความสับสน พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ ชัดเจนเพียงพอ
6.จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง ตามฟ้องข้อ 2.1 เมื่อใด จำเลยแต่ละคนกระทำการอย่างใดบ้าง และจำเลยที่ 1 ลงนามในวันใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
8.การกระทำของจำเลยทั้งแปดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไรพร้อมทั้ง ชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ เห็นสมควรให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ (ครบกำหนด วันที่7 ก.ย.)
เพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีในการตรวจฟ้องโจทก์ เห็นควรมีหนังสือ ถึง สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมแนบสำเนาคำฟ้องและสำเนารายงานกระบวนพิจารณา ฉบับนี้ เพื่อให้ชี้แจงและกรณีมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องขอให้แจ้งรวมมาด้วย กับแนบระเบียบ คำสั่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับ หนังสือ ดังนี้
1.ประวัติเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 และ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8
2.จำเลยทั้งแปดมีหน้าที่ประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่ การสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส. ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด
3.สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ตอบหนังสือคัดค้านการยื่นคําร้องกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของโจทก์ ฉบับลงวันที่ 26 พ.ค. หรือไม่อย่างไร
4.สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศการแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ และออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศให้ต่างจาก การเลือกตั้งครั้งก่อนๆหรือไม่ เพราะเหตุใด ผู้ใดเป็นผู้ออกแบบและอนุมัติ และเหตุใดจึงต้องมี การแก้วิธีให้หมายเลขของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง ให้แตกต่างจากหมายเลขพรรคที่ผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นสังกัดอยู่ในแบบ การเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ
5.มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนหรือไม่ เพราะเหตุใด และ ภายหลังการเลือกตั้ง มีวิธีจัดการอย่างไรกับบัตรเลือกตั้งส่วนที่พิมพ์เกิน
6.กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ดำเนินการไต่สวน ข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร มีการให้นายพิธา ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร เพราะเหตุใด และใช้ ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและวินิจฉัยคำร้องนานเท่าใด
และได้นำคำสั่งของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ลต สสข 9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ลด สสข 24/2566 วันที่ 2 พ.ค. ที่คืนสิทธิผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้แก่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มาพิจารณา หรือไม่ เพราะเหตุใด
7.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกี่สมัยและ ในแต่ละสมัยมีการตรวจสอบคุณสมบัติในเรื่องถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น มาก่อนหรือไม่ เหตุใดจึงมาพบภายหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบมาก่อนหรือไม่
8.ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส. ในเรื่องเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตรวจสอบไปยังนายทะเบียนบริษัทหรือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ เพราะเหตุใด และในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะเหตุใด ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคําพิพากษาวันที่ 25 ก.ย. เวลา 09.30 น.