ผวจ.ชุมพร เป็นประธานในงานประเพณีห่มผ้าพระราชทานพระบรมธาตุสวี ในวันอาสาฬหบูชา
2 ส.ค. 2566, 05:14
วันนี้(1 ส.ค. 66) เวลา 17.00 น. ณ วัดพระบรมธาตุสวี ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผวจ.ชุมพร เป็นประธานอัญเชิญ “ผ้าพระราชทาน” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงโปรดเกล้าให้นำไปห่มพระบรมธาตุสวี เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2566 โดยมี ข้าราชการ พ่อค้า นักเรียน ประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวมาร่วมงานมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
พระบรมธาตุสวี มีตำนานเล่าว่า พระยาศรีธรรมโศกราช ได้เสด็จยกทัพมาลี้พลอยู่ในเขตอำเภอสวี ได้พบปรากฎการณ์แปลกประหลาดคือ มีฝูงกาฝูงหนึ่งจับอยู่บนกองอิฐ ได้พากันส่งเสียงร้องและกระพือปีกจนเป็นที่หนวกหูรำคาญแก่บรรดาทหารทั้งหลาย เมื่อทหารไปไล่สักพักก็กลับมาอีก จึงทรงรับสั่งให้รื้อเศษกองอิฐออก จึงได้พบเจดีย์ใหญ่แล้วเมื่อขุดลึกลงไป ก็ได้พบผอบที่บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ พระองค์จึงรับสั่งให้ แม่ทัพ นายกองและพลไพร่ช่วยกันบูรณะสร้างเจดีย์ใหม่ขึ้นแทนเจดีย์ที่หักพัง แล้วจัดงานสมโภชน์เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน
บางก็เล่าว่า ได้มีกองพระทรายขึ้นอยู่ที่ทุ่งห่างจากวัดราว 10 กิโลเมตร ในเขตตำบลวัดใต้ต่อมาได้เรียกกันว่า คลองสอง พวกไพร่พลก็พามาสร้างวัดและพระเจดีย์ที่ตั้งกองอยู่ห่างจากวัดไปทางตอนเหนือ 8 กม. ต่อมาได้เรียกกันว่า “บ้านครน” นัยว่าได้นามมาจากคนที่เกณฑ์มานั่นเอง แล้วพระราชทานชื่อว่า “พระบรมธาตุกาวีปีก” และต่อมาได้เรียกเพี้ยนเป็น “สวี” จนถึงปัจจุบัน และก่อนที่พระยาศรีธรรมโศกราช จะเสด็จยกทัพกลับทรงห่วงใยไม่มีคนดูแลรักษา ระหว่างที่ทหารหลับ จึงทรงได้สั่งเรียกทหารในกองทัพคนหนึ่ง จนกระทั่งมีพลทหารคนหนึ่งชื่อ “เมือง” ขานรับการเรียก พระองค์ทรงรับสั่งว่า “เธอจะสมัครอยู่เฝ้าพระบรมธาตุนี้ไหม? “นายเมือง” ยินดีรับอาสา พระองค์จึงสั่งให้ทหารตัดศรีษะ “นายเมือง” แล้วให้ตั้งศาลเพียงตาและให้เรียกศาลนี้ว่า “ศาลพระเสื้อเมือง” ให้เป็นผู้เฝ้าพระบรมธาตุ ปัจจุบันศาลนี้ก็ยังมีอยู่จนคนทั่วไปเคารพนับถือ เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะชาวจีนที่มาค้าขายมีความเชื่อกันมากๆแล้วเรียกว่า “ศาลพ่อท่านเมือง” และในสมัยก่อนแม่น้ำสวีมีจระเข้ชุกชุม เมื่อว่ายน้ำผ่านมาถึงหน้า “ศาลพ่อท่านเมือง” ก็ต้องชูเหยื่อเพื่อแสดงการทำความเคารพทุกตัว
และมีเรื่องเล่าสืบต่อมาว่า ช่วงต้นรัชกาลที่ 6 เวลาเช้าตรูของวันเพ็ญเดือน 6 ได้ปรากฎมีเสียงดัง “อู้..อู้..อู้” ดังไปทั่วทั้งตำบลสวีและมีแสงประกายแผ่รัศมีสว่างจ้าไปทั่วบริเวณวัด เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงในช่วงค่ำหลังชาวบ้านเวียนเทียนแล้ว จากนั้นพระบรมธาตุชั่นบนก็ได้พังทลายลงมา โดย ยอดพระบรมธาตุ ได้พลัดตกไปในทางทิศตะวันตกของเจดีย์
ทำให้กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตให้เป็นที่ดินโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 118 ตอนพิเศษ 127ง ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2544 มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน 30 ตารางวา และได้เปลี่ยนชื่อ “วัดสวี” มาเป็น “วัดพระบรมธาตุสวี” ตามประกาศของ สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อ วันที่ 24 เมษายน 2556 จวบจนถึงปัจจุบัน