นายกฯ ปลื้ม! ซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จ.ภูเก็ต ได้รับการจัดอันดับที่ 19 ถนนที่สวยที่สุดในโลก
23 มิ.ย. 2566, 09:07
วันนี้ (23 มิถุนายน 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ เว็บไซต์ยอดนิยมด้านการท่องเที่ยวอย่าง Seasia.Stats ได้จัดอันดับให้ ซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต ได้อันดับที่ 19 โดยเป็นการเผยแพร่ผ่าน Facebook ของ Seasia.Stats (https://www.facebook.com/photo/?fbid=287214243650434&set=pcb.287214280317097) เชื่อมั่นในความสวยงามทั้งทางธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมประเพณีของไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดอันดับ The World’s 20 Most Beautiful Streets ในครั้งนี้ดูจากรูปแบบรายละเอียดสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และความผสมผสานของสีสันและมนต์เสน่ห์ที่ลงตัว ซึ่งซอยรมณีย์ ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ตที่ได้อันดับที่ 19 ของการจัดอันดับถนนที่สวยที่สุดในโลก เนื่องจากซอยรมณีย์เป็นที่ตั้งของตึก และอาคารเก่าศิลปะชิโนโปรตุกีส (Sino-Portuguese) ที่เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของโปรตุเกสและจีน เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของศิลปะแบบภูเก็ต โดยความเก่าแก่ของตึกจะให้อารมณ์คลาสสิคและย้อนยุค ในปัจจุบันถนนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก เกสต์เฮาส์ รวมถึงที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่สวยงามมีเอกลักษณ์ และความโรแมนติกอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต
โดย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึง 5 อันดับแรกของถนนที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก ได้แก่ 1. ถนน Symi Harbour เมือง Livadia ประเทศกรีซ 2. ถนน Acorn เมือง Boston สหรัฐอเมริกา 3. ถนน Bo-Kaap เมือง Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้ 4. ถนน Callejon El Asri เมือง Chefchaouen ประเทศโมร็อกโก และ 5. ถนน Rua Luis de Camoes เมือง Agueda ประเทศโปรตุเกส
“นายกรัฐมนตรี ยินดีถึงการจัดอันดับถนนที่สวยที่สุดของโลกในครั้งนี้ แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ และการผสมผสานอย่างลงตัวของความเป็นตะวันตกและตะวันออก โดยรัฐบาลมีนโยบายด้านการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์พื้นที่เพื่อคงความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความสวยงามของประเทศไทย และรัฐบาลจะสืบสาน รักษา อนุรักษ์ความสวยงาม รวมทั้งประวัติศาสตร์ของประเทศให้คงอยู่สืบไป” นายอนุชาฯ กล่าว