พบสุสานหอยโข่งโผล่กองดิน นับหมื่นชิ้นบนเนินภูเขาหินปูน พร้อมกระดูกโบราณ วอนตรวจสอบ
21 มี.ค. 2566, 13:50

วันที่ 21 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณเพิงผาเขาพญาบังสา ต.ย่านซื่อ อ.ควนโดน จ.สตูล โดยมีนายกำพลศักดิ์ สัสดี อายุ 46 ปี นักสำรวจถ้ำ ปันเขาหน้าผาชาวจังหวัดสตูล และเป็นหนึ่งที่เคยร่วมภารกิจช่วยเหลือ 13 หมู่ป่า ได้ไปดูและชี้จุดบริเวณ กองดินและชั้นหินปูนใกล้เพิงผาเขาพญาบังสา พงะ! พบซากหอยโข่งที่อัดแน่นในเนินดินสูงอย่าหนาแน่นที่มองด้วยตาเปล่าเห็นรูปทรงเปลือกหอยโขงอย่างชัดเจน ทั้งมีเปลือกหอยโข่งขนาดใหญ่ เท่ากับกำปั้นมือ และเปลือกตัวเล็ก ที่มีสภาพอัดแน่น และตามพื้นที่ดิน และข้างชั้นหินปูนเพิงผาเขาพญาบังสา เป็นเรื่องมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์มา นอกจากนี้ยังพบเศษกระดูกคล้ายกรามฟัน ไม่ทราบว่าเป็นของสัตว์ขนิดไหน บางชิ้นกระดูกใหญ่เท่ากับกระดูกมนุษย์ หรือฟอสซิล บริเวณรอบๆมีเศษคล้ายขวานโบราณ และเขียงโบราณ เครื่องครัวโบราณอยู่ในกองดินใต้เพิงผา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงสำรวจ ประเมินว่า วัตถุเศษต่างๆมีอายุกี่ปี เป็นของโบราณในยุคสมัยศตวรรษไหน นายกำพลศักดิ์ สัสดี อายุ 46 ปี นักสำรวจถ้ำ ปีนเขาหน้าผาชาวจังหวัดสตูล เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ในจังหวัดสตูล ถือว่าแหล่งตรงนี้ สามารถเรียกว่า สุสานหอยโข่งโบราณที่ใหญ่ที่สุดในสตูล ได้เลย เพราะเข้ามาดูพบหอยโข่งอัดแน่นจำนวนมาก เป็นหมื่นๆชิ้นอัดแน่น โผล่ออกมาจากกองดินเนินสูง และตามทาง รวมทั้งสิ่งที่แปลกคือว่า จุดตรงนี้ไม่มีแหล่งน้ำ หรือลำธารน้ำไหลหลาก หรือไหล่ผ่าน โดยหอยเหล่านี้มาจากไหนกัน อาจจะเป็นไปได้ว่า ในสมัยโบราณสถานที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่คนอาศัยอยู่หรือเปล่า แล้วออกไปหาหอยโข่ง สัตว์ป่ามากินทิ้งกองไวหลายๆปี เพราะมีเยอะมาก
นายกำพลศักดิ์ สัสดี อายุ 46 ปี นักสำรวจถ้ำ ปีนเขาหน้าผาชาวจังหวัดสตูล กล่าวอีกว่า เปลือกหอยที่พบนั้นหอยโข่งน้ำจืดขนาดใหญ่จำนวนมากที่ทับถมอยู่ในชั้นดิน มีมวลหนาราว 1 - 2 ม. บางส่วนนั้นกลายเป็นฟอสซิลติดอยู่ในก้อนหินริมหน้าผาเพราะโดนน้ำหินปูนไหลเคลือบ เฉพาะจำนวนหอยโข่งนั้นจะมีเยอะราวๆ นับหมื่นนับแสนตัว มีหลายตัวหลุดกลิ้งอิสระเพ่นพ่านตามหน้าดิน ปะปนร่วมกับกระดูกสัตว์หลายชนิด รวมไปถึงเปลือกหอยจากทะเล ซึ่งอยู่ในพิกัดเพิงผาริมภูเขาใต้หน้าผาที่สูงชัน ส่วนพื้นที่พบนั้นอยู่ห่างจากพื้นที่ราบสูงจากระดับดินข้างล่างราว 12 ม.ห่างจากคลองสายหลัก 500 ม. ห่างจากทะเลราว 20 กม. นายกำพลศักดิ์ สัสดี อายุ 46 ปี นักสำรวจถ้ำ ปีนเขาหน้าผาชาวจังหวัดสตูล กล่าวอีกว่า จากการเข้าสำรวจเบื้องต้นครั้งล่าสุดในวันนี้ยัง ได้พบหลักฐานเพิ่มเติม เป็นขวานหิน 2 เล่ม ชุดฟันกรามขนาดใหญ่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนึง ปลายเขาสัตว์ ประเภทเก้ง หรือกวาง หากศึกษาสอบถามผู้ใหย่คนเฒ่าคนแก่ โดยประเมินพื้นที่แล้วคาดว่า เคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นมนุษย์ยุคหินในช่วงใด ในพื้นที่ส่วนกลางของเพิงผาที่มีเปลือกหอยโข่งและกระดูกสัตว์จำนวนมาก นั้นคือกองเศษซากอาหารที่มนุษย์ในยุคนั้นอาจมีความเชื่อว่าให้นำมากองรวมกันในที่เดียว ในพื้นที่ทางทิศใต้อาจจะเป็นพื้นที่สุสาน จากที่ตรวจสภาพหน้าผิวดิน พบการเรียงหินแบบฝีมือมนุษย์ และเครื่องมือหินอีกหลายชิ้น ส่วนในเพิงผาทางทิศเหนือ มีสภาพเคยถูกใช้เป็นแหล่งอาศัย สามารถหลบแดดหลบฝนได้ดี และปลอดภัยจากสัตว์นักล่าที่อันตราย และถือว่าจากที่ค้นพบสุสานหอยโข่งโบราณในสตูล พิกัดนี้คือใหญ่ที่สุด และพบวัตถุที่บ่งบอกถึงการใช้งานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
และในแต่ละถ้ำก็จะมีชนิดของเปลือกหอยแต่งต่างกันไปตามสภาพที่มนุษย์ในสมัยนั้นจะสะดวกหาจากในพื้นที่ดำรงชีพ เช่นในโซนใกล้พื้นที่ราบมีลำคลองหรือบึงป่าพรุ ก็มักจะมีแต่หอยโข่ง ถ้าในป่าต้นน้ำที่ราบสูงขึ้นไปก็จะพบเป็นหอยโล่ หอยกาบ ส่วนถ้าใกล้ทะเลก็จะเป็นหอยแครง หอยนางรมช้าง ฯลฯ ซึ่งก็เคยพบถ้ำที่มีเปลือกหอยจำนวนมาก นั้นมีตลอดแนวฝั่งอันดามัน ตั้งแต่พังงา กระบี่ ตรัง สตูล ไปจนถึงในถ้ำที่รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย นายกำพลศักดิ์ สัสดี อายุ 46 ปี นักสำรวจถ้ำ ปีนเขาหน้าผาชาวจังหวัดสตูล กล่าวอีกว่า แต่ที่แปลกคือ ไม่เคยพบว่ามีเปลือกหอยสักตัวที่ผ่านการเผาไฟ คนสมัยนั้นจึงอาจปรุงให้สุกด้วยการต้มในภาชนะดินเผา เพราะเคยเจอเศษเครื่องปั้นดินเผาแตกหักปะปนในหลายพื้นที่ ช่วงอายุของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ สตูล ตรัง กระบี่ พังงา ที่เคยมีการตรวจสอบอายุแล้วอย่างเป็นทางการ พบว่ามีอายุที่ประมาณ 3,500 ปี ถึง 19,000 ปีก่อน และอาจมีเก่าแก่กว่านั้น เป็นชนเผ่านึงที่เคยอาศัยกระจายตัวไปทั่วในดินแดนนี้ ส่วนนึงอาจคือบรรพบุรุษของผู้คนในพื้นที่ยุคปัจจุบัน และอีกส่วนนึงยังคงรูปแบบการดำรงชีพดั้งเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดหลายพันปีจนตกทอดมาถึงคนรุ่นหลัง ก็คือชาวป่ามันนิ ในเทือกเขาบรรทัด ทั้งนี้ได้ติดต่อสอบถามไปยังทางเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าหนองปลักพระยาและเขาระยาบังสา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลฉลุง ตำบลควนโพธิ์ อำเภอเมืองสตูล ตำบลควนโดน ตำบลย่านซื่อ อำเภอควนโดน ต่างกล่าวว่า เมื่อทราบว่าพบซากหอยโข่งจำนวนมากอัดแน่นและซากสัตว์โบราณ วัตถุโบราณ ก็จะเร่งให้เจ้าหน้าที่นำผู้รู้ลงสำรวจประเมินดูว่าเป็นของพี่พบในยุคไหน สิ่งที่สำคัญต้องเร่งสำรวจหลักฐานเพิ่มเติมตามหลักวิชาการ และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งโบราณคดีเพื่อการศึกษาและการท่องเที่ยวของชุมชุน ในพื้นที่ได้ในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญอาจจะเสี่ยงกับกลุ่มคนที่ชอบสิ่งของโบราณ อาจจะบุกเขามาขุดขอเลข ขอหวย ตามความเชื่อก็เป็นได้