เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"เจ้าของอู่รถ"  ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้าง จนท.ตรวจสอบฐานข้อมูล สูญเงินกว่า 1.5 ล้าน


7 ก.พ. 2566, 12:47



"เจ้าของอู่รถ"  ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้าง จนท.ตรวจสอบฐานข้อมูล สูญเงินกว่า 1.5 ล้าน




โดยกรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายวีรพันธ์ พรหมเทพ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่ที่ 1 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม2565 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังทำงานอยู่ที่ร้าน ซึ่งเปิดธุรกิจ สามประเภท คือ อู่ซ่อมสีรถยนต์ สถานบริการตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ.และร้านจำหน่ายยางรถยนต์ครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายเพชรเกษม-เนิน 491 แล้วได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามา ซึ่งตนเองก็รับสายเพราะคิดว่าเป็นลูกค้า แต่เมื่อรับทางคู่สายได้ บอกว่า โทรมาจากระทรวงพาณิชย์ ต้องการตรวจสอบผู้ประกอบการเพื่ออัพเดตฐานข้อมูล

และได้มีการพูดคุยกับตนเองในเรื่องของธุรกิจที่ตนเองทำอยู่ว่ายังคงทำธุรกิจเป็น ตรอ. เป็นร้านซ่อมรถอยู่หรือไม่  ซึ่งตนเองกลัวว่าจะเป็นมิจฉาชีพเนื่องจากมีข่าวให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ก็ได้มีการสอบถามข้อมูลกับทางมิจฉาชีพ โดยมิจฉาชีพก็สามารถตอบข้อมูลของตนเองได้ถูกต้องครบถ้วน โดยระยะเวลาที่มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ประมาณ 5-10 นาที  ตนเองจึงได้แจ้งไปว่าให้โทรมาช่วงบ่ายเพราะในขณะนี้ตนเองกำลังติดลูกค้าไม่สะดวกคุย



หลังจากนั้นมิจฉาชีพได้เพิ่มเพื่อนจากแอพพลิเคชันไลน์ เข้ามาพูดคุยพร้อมส่งข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลของบริษัทเข้ามาให้ตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นถูกต้องหรือไม่เพื่อต้องอัพเดทข้อมูลของบริษัทใหม่ ซึ่งนายวีรพันธ์กล่าวว่า ข้อมูลที่มิจฉาชีพส่งมาให้ดูผ่านช่องทางไลน์นั้น เป็นข้อมูลที่ถูกต้องทุกอย่าง  หลังจากนั้นตนเองก็ได้ตอบกลับไปทางช่องทางไลน์ว่าถูกต้องครับ ต่อมามิจฉาชีพได้ส่งเป็นลิงค์ของกระทรวงพาณิชย์ มีโลโก้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน  หลังจากที่มิจฉาชีพส่งเข้ามา ตนเองก็กดลิงค์ทันที หลังจากนั้นหน้าจอโทรศัพท์ก็กลายเป็นสีดำ และมีตัวเลขวิ่งอยู่ที่หน้าจอ ในขณะนั้นตนเองก็มั่นใจแล้วว่าตนเองโดยแฮกข้อมูลและถูกดูดเงินออกจากบัญชีอย่างแน่นอน   เพราะมีข้อความเข้าในโทรศัพท์อีกเครื่องว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชี ถึง 3 ครั้ง

โดยยอดแรกนั้นได้โอนเงินออกจากบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชีนายวีรพันธ์  พรหมเทพ  หมายเลขบัญชี  410-2-30451-4  ถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีน.ส.สุพรรณนา บุญเงิน หมายเลข 146-1-36365-9  เป็นจำนวนเงิน 1,400,000 บาท เวลา  14.05 น  ครั้งที่ 2 ได้มีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชีนายวีรพันธ์ พรหมเทพ หมายเลขบัญชี 410-2-30451-4  ถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.ศิริวรรณ เพชรรัตน์ หมายเลข 660-8-81443-7  จำนวน  89,000  บาทเวลา 14.07 น.  และในครั้งที่ 3 ได้มีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชีนายวีรพันธ์ พรหมเทพ หมายเลขบัญชี 410-2-15867-5  ถูกโอนไปยังบัญชีพร้อมเพย์ ชื่อบัญชี น.ส.สุพรรณษา บุญเงิน หมายเลข 061-537-3523   จำนวนเงิน 47,355 บาท  เวลา 14.09 น.  โดยแต่ละบัญชีใช้ระยะเวลาห่างกัน 2 นาที


นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนเองรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมพวกมิจฉาชีพพวกนี้ จึงรู้ข้อมูลของตนได้อย่างละเอียด แม้จะถามอะไรไป ก็ตอบได้ถูกต้องหมดทุกอย่าง แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ให้ตนเองหลงเชื่อได้อย่างไร ซึ่งตนมองว่า ข้อมูลดังกล่าว มันอยู่ในระบบของกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น ที่จะมี แต่พวกนี้เอามาได้อย่างไร จะไม่ให้คิดว่าได้มาจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้ ซึ่งความสูญเสียในครั้งนี้เป็นเงินจำนวนมาก ไม่รู้จะเรียกร้องจากใครได้ ไม่ว่าทางธนาคารที่ยุ่งยาก กว่าจะโทรไปอายัติ ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ซ้ำเมื่อแจ้งให้ช่วยอายัติ ก็ยังไม่สามารถทำได้ต้องให้ทางตำรวจเท่านั้น ถึงจะดำเนินการได้ ทางตำรวจก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

นายวีรพันธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองก็อยากจะฝากเตือนประชาชนทุกคนให้ระวัง อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ แม้ตนเองยอมรับว่าระมัดระวังที่สุดแล้ว ก็ยังหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ จนสูญเงินนับล้านบาท และอยากจะฝากถึงทางธนาคาร น่าจะมีการปรับปรุงระบบการป้องกันให้เท่าทันมิจฉาชีพพวกนี้ อย่างเช่น การโอนเงิน ควรจะใช้ระบบสแกนใบหน้า แต่ไม่ใช่ภาพนิ่ง ให้ใช้เป็นภาพเคลื่อนไหว เพราะเชื่อว่าจะป้องกันได้ และในเบื้องต้นขณะนี้ ตนเอง ป้องกันด้วยการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ที่ใช้เฉพาะแอพธนาคารเพื่อใช้เกี่ยวกับธุรกรรมเท่านั้น ไม่โหลดลิงค์ ไม่โหลดไลน์หรือไม่ใช้เฟซบุ๊คและไม่ใช้อินเตอร์ระบบไวไฟแต่อย่างใด และปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้และเปิดเมื่อจะโอนทำธุรกรรมเท่านั้น 


คำที่เกี่ยวข้อง : #1.5ล้าน   #แก๊งคลอเซ็นเตอร์  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.