เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 มกราคม 2566 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ“กัน จอมพลัง” พร้อมคณะเดินทางไปที่ สภ.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อช่วยเหลือสามเณรวัย 10 ขวบ สัญชาติพม่า ภายหลังมารดาชาวพม่าเสียชีวิต หลังบวชได้เพียง 3 ชั่วโมง เนื่องจากบิดาคลุ้มคลั่งจากยาเสพติด เป็นผู้ลงมือฆ่าภรรยาของตนเอง ต่อมาบิดาถูกคุมขังที่เรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้น ด.ต.เสกสรรค์ อินทร์นิ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจงานธุรการ สภ.กุยบุรี และภรรยาคือ นางอรอนงค์ ลิบลับ อายุ 46 ปี มีอาชีพค้าขาย รับเป็นผู้ปกครองเด็กตามคำสั่งศาล แต่ต่อมาได้มีการ้องเรียนถึง กัน จอมพลัง ขณะที่พระครูอุดมธรรมวิภาค เจ้าอาวาสวัดไร่บน เจ้าคณะตำบลหาดขาม หมู่ 2 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี อ้างว่าไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองของเด็กได้นานหลายเดือน มีปัญหาจากเงินเยียวยาที่หน่วยงานรัฐมอบให้เด็ก 1.1 แสนบาท ซึ่งมีการนำไปซื้อสลากออมสิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่สามารถโอนเป็นชื่อของเด็กได้ เนื่องจากไม่มีสัญชาติไทย(สัญชาติเมียนมาร์) แต่จากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันเงินยังอยู่ครบ

 

 

 

หลังจากมีการเจรจานานกว่า 2 ชั่วโมง ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.กุยบุรี โดยมี พ.ต.อ.พฤหัส สังข์ประเสริฐ ผกก.สภ.กุยบุรี ตัวแทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ประจวบคีรีขันธ์ ตัวแทนบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบฯ ยุติธรรมจังหวัดประจวบฯ คณะทำงานของ “กัน จอมพลัง” เพื่อยุติความขัดแย้ง โดยสามเณรวัย 9 ขวบยืนยันจะอาศัยที่วัดไร่บนต่อไป หลังจาก กัน จอมพลังได้ไปตรวจสอบสถานที่พักอาศัยภายในวัดแล้ว สำหรับเงินค่าเยียวยา นางอรอนงค์ ลิบลับ พร้อมโอนให้แต่มีเงื่อนไขให้อยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการหลายฝ่ายที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ไม่ยินยอมให้ผู้ใดเบิกเงินไปใช้จ่ายโดยพลการ ขณะที่ทางวัดถูกตั้งข้อสังเกตว่าการเบิกจ่ายเงินภายในวัดมีไวยาวัจกรหรือไม่ หรือเจ้าอาวาสสามารถเบิกจ่ายได้เพียงผู้เดียว