"อนุทิน" มั่นใจเศรษฐกิจโตแบบก้าวกระโดด จากศักยภาพการแพทย์-ท่องเที่ยว-คมนาคมขนส่ง
2 พ.ย. 2565, 15:42
วันนี้ ( 2 พ.ย.65 ) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เห็นว่าแม้ในระยะกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิด19 เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก แต่พื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการบริหารจัดการที่ดีในช่วงการแพร่ระบาด จะทำให้ในระยะหลังโควิด19 ไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทั้งด้วยการใช้ประโยชน์ศักยภาพทางการแพทย์ การท่องเที่ยว และการลงทุนด้านคมนาคมหลายโครงการ
“รองนายกรัฐมนตรีเห็นว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง ที่มีการหยุดชะงักในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด19 มีเพียงการท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่การส่งออก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งสนามบิน รถไฟ ขยายสาธารณูปโภคยังคงดำเนินไปปกติ การท่องเที่ยวที่ต่างชาติหายไปคนไทยก็เที่ยวกันเอง และหลังจากนี้ต่างชาติก็เริ่มกลับมาแล้วและจะกลับมาอย่างก้าวกระโดด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การสามารถบริหารจัดการสถานการณ์โควิด19 จนเป็นที่ยอมรับและศักยภาพทางการแพทย์จะดึงดูดนักท่องงเที่ยวเชิงสุขภาพเข้ามาในประเทศไทยอีกมาก เช่น ล่าสุดไทยที่ได้ฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรอบ 30 กว่าปี และขณะนี้ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตไทยไปประจำ กรุงริยาดแล้ว ก็ได้รับข้อมูลว่ามีชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนมากที่ประสงค์จะเดินทางมาใช้บริการด้านสุขภาพและเดินทางท่องเที่ยวในไทย ซึ่งรัฐบาลสามารถจะจัดแพคเกจการอำนวยความสะดวกสนับสนุนเพื่อดึงดูดในส่วนนี้ได้
ในส่วนของโครงการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งจะเป็นจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนหลักของการเติบโต โดยเวลานี้มีหลายโครงการอยู่ระหว่างการลงทุน และหลายโครงการกำลังเตรียมการลงทุน เช่น โครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ ที่เพิ่งมีพิธีวางศิลาฤกษ์อย่างเป็นการทาง นอกจากจะมีเม็ดเงินลงทุนแล้วระยะต่อไปจะสนับสนุนการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านอีก จากปัจจุบันที่แต่ละด่านการค้ากับเพื่อนบ้านมีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท
ทางด้านโครงการรถไฟความเร็วสูง เมื่อไม่นานมานี้นายอนุทิน ก็ได้นำคณะไปร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาและการขนส่งของ สปป.ลาว เกี่ยวกับแนวทางการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงระหว่างกันบริเวณจังหวัดหนองคายกับนครหลวงเวียงจันทน์ รวมถึงหารือกันถึงแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจผ่านสินค้าข้ามแดน ซึ่งจะมีการลงทุนและปริมาณการค้าที่ตามมาอีกมาก
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคใต้ก็จะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมต่อ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา กับ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง วงเงินลงทุน 4,841 ล้านบาท ที่จะพัฒนาเส้นทางโลจิสติกส์ อำนวยความสะดวกปลอดภัยให้ประชาชน สนับสนุนการขนส่งสินค้าและเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่ เชื่อมโยงทะเลอันดามัน – อ่าวไทย ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือตรัง – พัทลุง – สงขลา รวมถึงโครงการก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง – ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ระยะทาง 2.2 กม. วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,854 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก ครม. เป็นที่เรียบร้อยหลังจากนี้เป็นการดำเนินการก่อสร้างตามขั้นตอน
ขณะเดียวกันนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ก็อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน (Southern Land Bridge) หรือโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ซึ่งจะเป็นเมกะโปรเจ็กต์เชื่อมการคมนาคมขนส่งของทะเลอ่าวไทยกับอันดามัน สนับสนุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้อีกมากในอนาคต