ระทึก ! "เรือสปีดโบ้ท" เครื่องยนต์ระเบิดกลางทะเล มีผู้บาดเจ็บ 20 ราย
21 ก.ค. 2565, 06:54
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 20 ก.ค.65 ร.ต.อ.หญิงพรอุมา แก้วประดิษฐ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากน้ำชุมพร ได้รับแจ้ง เกิดเหตุเครื่องยนต์ เรือโดยสารสปีดโบ๊ท "ลมหลักคีรินทร์18"ของ บริษัทลมหลักคีรินทร์ ไฮสปีดเฟอร์รี่ ระเบิดกลางทะเล จุดเกิดเหตุห่างจากฝั่ง ประมาณ 3-5 กิโลเมตร บริเวณเกาะลังกาจิว ตำบลปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร มีผู้โดยสารและลูกเรือผู้บาดเจ็บจำนวนหลายราย พร้อมกับประสานหน่วย หน่วยกู้ภัยทางน้ำมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ออกช่วยเหลือ
จุดเกิดเหตุพบเรือสปีดโบ๊สชื่อ “เรือลมหลักคีรินทร์ 18 ของไฟลุกท่วมเกือบวอดทั้งลำ โดยมีชาวประมงที่ประสบเหตุกำลังช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือลำดังกล่าวที่กระโดดลอยคออยู่ในน้ำเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดศักดิ์ และโรงพยาบาลปากน้ำชุมพร แยกเป็นผู้บาดเจ็บสีแดงอาการสาหัส 2 ราย มีบาดแผลไฟไหม้ตามตัวและใบหน้า ผู้บาดเจ็บสีเหลือง 3 ราย มีบาดแผลตามร่างกายและผู้บาดเจ็บสีเขียว 15 ราย มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย
จากการสอบสวนเบื้องต้นมีรายงานว่าเรือสปีดโบ๊สลำดังกล่าวได้รับผู้โดยสารจำนวน 18 คน และพนักงานบนเรือ 2 คน ออกจากท่าเรือลมพระยาจากท่าเรือของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ 13/7 ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง ชุมพร เพื่อส่งผู้โดยสารระหว่างชุมพร-เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากออกจากฝั่งไปได้ไม่ถึง 10 นาทีเครื่องยนต์ระเบิดอย่างรุนแรงจนไฟลุกท่วมอย่างรุนแรง ทำให้พนักงานบนเรือและผู้โดยสารบาดเจ็บดังกล่าว
หลังเกิดเหตุนายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าฯจ.ชุมพร เดินทางลงพื้นที่ท่าเรือลมพระยา เพื่อติดตามสถานการณ์และสอบถามถึงสาเหตุ กล่าวว่า หลังจากที่เรือออกจากฝั่งไปประมาณ 2 ไมค์ทะเล เรือได้เกิดเหตุขัดข้องเครื่องยนตร์เกิดประกายไฟ และระเบิดประกายไฟวิ่งไปทางท้องเรือไฟ ทำให้ผู้ที่นั่งถูกไฟไหม้ ในระหว่างที่เกิดเหตุตั้งแต่มีเจ้าหน้าที่ของอุทยานเข้าไปช่วยเหลือทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ 20คน ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นฝั่งและนำส่งโรงพยาบาลปากน้ำชุมพร โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ ผู้บาดเจ็บมีอาการหนัก 2คน โดยไฟไหม้ตามร่างกาย 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้โดยสารทั้ง 18 คนเป็นนักท่องเที่ยวมาจาก กทม.ขับรถมาจอดที่ท่าเรือเพื่อจะไปดำน้ำที่เกาะเต่า
นอกจากนั้นขณะนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่มาก ทางจังหวัดได้ให้ไปพักที่โรงเรียนแรมนานาบุรีส่วนเรื่องคดีนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุที่กระทบต่อชีวิตและร่างกาย เพราะฉะนั้นทางตำรวจจะเชิญเจ้าของเรือมาสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนสาเหตุอื่นได้ให้ทางเจ้าท่าตรวจสอบในส่วนเครื่องยนตร์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่ามีกลิ่นน้ำมันออกมาก่อนที่เรือจะออก โดยเบื้องต้นได้ให้นายตรวจเรือ นายช่างเครื่องกล ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายบุญฤทธิ์ อภิชัยชูพงศ์ อายุ 35 ปี เป็นช่างภาพที่มากับกรุ๊ปทัวร์ 1 ในผู้บาดเจ็บเปิดเผยว่า ทั้งหมดได้เดินทางออกมาจากกรุงเทพเมื่อประมาณ 07.00 น.ถึงท่าเรือลมพระยาประมาณ 13.00 น. มาด้วยกันทั้งหมด 3 คัน เป็นรถส่วนตัว ตั้งใจที่จะเดินทางไปเกาะเต๋า โดยเช่าเหมาลำเรือลำดังกล่าว เพื่อไปท่องเที่ยวและดำน้ำ และพักค้างคืนที่เกาะเต่า โดยมากันทั้งหมด 18คน ระหว่างที่นั่งอยู่ในเรือ ตนเองและคนอื่นๆรู้สึกผิดสังเกตเนื่องจากได้กลิ่นน้ำมันลอยขึ้นมา จนเรือเล่นออกไปจากท่าได้ประมาณ5 นาที ระยะทางประมาณ 100-200 เมตร ก็ได้ยินเสียงระเบิด ตูมสนั่นเกิดไฟลุกโชนขึ้นมา ทุกคนร้องด้วยความตกใจและกระโดนหนีตายลงน้ำ แต่โชคดีที่ทุกคนว่ายน้ำเป็นและใส่เสื้อชูชีพ
นายบุญฤทธิ์กล่าวว่า ผู้ประกอบการสะเพร่าปล่อยปะละเลยไม่ดูแลเรือให้พร้อมที่จะนำมาให้บริการ ซึ่งเรือก็เหมือนรถที่จะต้องดูแลตรวจเช็คอยู่อย่างสม่ำเสมอ เหตุการณ์ครั้งนี้ยังถือว่าโชคดีมีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิตและโชคดีตรงที่ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ฝั่งและอยู่ในระยะที่คนบนฝั่งสามารถเห็นได้
สำหรับเรือดังกล่าวเป็นเรือสปีดโบ๊สลำเกิดเหตุเป็นเรือเร็วขนาด 30-35 ฟุต 3 เครื่องยนต์ บรรทุกผู้โดยสารได้ 20-30 คน รับผู้โดยสารระหว่างชุมพร-เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี