"หลวงพ่อสายโหด" ใช้ไม้ตะพดฟาดหัวโยมเลือดสาด เย็บถึง 7 เข็ม
22 มิ.ย. 2565, 10:52
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.บี(นามสมมุติ) ว่ามีพระรูปหนึ่งชื่อหลวงพ่ออ้วน อยู่ที่สำนักสงฆ์ บ้านกันจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ อารมณ์ร้อนใช้ไม้ตะพตมาฟาดหัวของนายเสมอ สายดวง มีศักดิ์ปู่ของ น.ส.บี(นามสมมุติ) อายุ 59 ปี พร้อมกับเปิดคลิปที่ น.ส.บี(นามสมุมติ) ได้ถ่ายไว้ได้ ซึ่งนายเสมอ สายดวง ปู่ของ น.ส.บี(นามสมมุติ) ถูกตีด้วยไม้ตะพดความยาวกว่า 1 เมตร เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 12.00 น. ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเลือดไหลออกมาไม่หยุดแผลยาวต้องเย็บถึง 7 เข็ม เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ 2 วัน โดยมีญาติ ๆ เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งหลวงพ่อในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางสาวบีนามสมมุติ หลานสะใภ้ของนายเสมอ เล่าว่า เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 ช่วงเวลา 11.00 น. ตนและครอบครัวทั้ง 6 คนได้เดินทางไปที่ สำนักสงฆ์หลวงตาอ้วน เพื่อจะไปทำสังฆทานตนครอบครัว ได้พากันนั่งรออยู่ด้านหน้าและได้พูดคุยกันในระหว่างครอบครัว และได้มีญาติโยมอีกชุดหนึ่งมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เช่นกัน และทางญาติโยมอีกชุดนึงได้พูดคุยกับตนและปู่ของตนว่าจะเดินทางมาดูดวงกับหลวงตาอ้วน และได้บอกกับตนว่าขอเข้าดูดวงก่อนได้ไหม เพราะเดินทางมาไกลตนและปู่จึงบอกว่าให้แซงคิวก่อนเลย เพราะบ้านตนอยู่ไม่ไกลจากนั้นตนและครอบครัวก็นั่งคุยกันตามปกติ จนสังเกตเห็นหลวงตาอ้วนเดินออกมามองอยู่ที่หน้าประตู และได้ใช้ไม้เท้าขนาดใหญ่ หรือไม้ตะพด เคาะลงที่พื้น 2-3 ครั้งอย่างแรงจนเสียงดัง และสักพักหลวงตาอ้วนก็ได้เดินลงมาพร้อมทั้งพูดภาษาเขมรแปลได้ว่าเป็นคำหยาบคายและด่าทอว่านายเสมอซึ่งเป็นปู่ของตน ด่าถึงบุพการีอย่างเสียๆหายๆและบอกว่าถ้ายังไม่กลับจะเอาปืนมายิง
“ตนก็แปลกใจแต่ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นก็สังเกตเห็นหลวงตาอ้วนเดินพุ่งตรงมาที่ปู่ของตน ตนเห็นดังนั้นจึงแอบถ่ายคลิปไว้อย่างที่เห็นในภาพและไม่คิดว่าหลวงตาอ้วนจะใช้ไม้ตะพดตีลงที่ไหล่ด้านซ้ายของปู่ของตนเป็นจำนวน 2 ครั้ง และเดินออกไปจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาอีกและได้ใช้ไม้ตะพดฟาดลงที่ศีรษะของปู่ตนอย่างแรง จากนั้นทุกคนก็ตกตะลึงและเข้ามาดูปู่ของตนจึงได้เห็นว่าที่ศีรษะของปู่นั้นมีเลือดไหลออกมาอย่างมาก ตนจึงบอกให้ทุกคนกลับบ้านเพื่อพาปู่ไปรักษา เมื่อมาถึงบ้านตนก็โทรแจ้ง 1669 ให้มารับตัวปู่ของตนไปโรงพยาบาล ตนนั้นเห็นว่าปู่นั้นเริ่มมีอาการหมดสติตัวซีดเพราะมีเลือดออกมาเป็นจำนวนมากก็นั่งรอรถพยาบาลมารับไปปู่ก็เริ่มจะไม่พูดจาแล้วเพราะไม่ค่อยมีสติ จากนั้นเมื่อรถพยาบาลมาถึงก็รีบนำตัวปู่ส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ จากนั้นตนและญาติๆก็ได้เดินทางไปยัง สภ.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหลวงตาอ้วน ส่วนตัวนั้นไม่เคยรู้จักหลวงตาอ้วนไม่เคยพบหน้ากัน และมาทำบุญที่นี่เป็นครั้งแรก ตนก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรหลวงตาอ้วนถึงทำร้ายปู่ของตนเช่นนี้ นางบีกล่าว”หลานสาวคนบาดเจ็บกล่าว
ด้านนาย เสมอ สายดวง ผู้ได้รับบาดเจ็บ อายุ59 ปี (ถอดเสื้อ) บ้านเลขที่ 64 หมู่13 ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนนั้นไม่รู้จักกับหลวงตาอ้วนเลย และไปทำบุญที่สำนักสงฆ์ที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น วันนั้นตนจะไปทำบุญสะเดาะเคราะห์เพราะทางญาติๆได้ชวนไป พอไปถึงตนก็นั่งคุยเล่นกันกับครอบครัวอีก 5 คน เพราะมีคิวอยู่แล้ว1 คิวจากนั้นตนก็ได้เห็นหลวงตาอ้วนเดินลงมา และได้พูดจาด่าทอตนเป็นภาษาเขมร ว่ากูมองมึงมานานแล้ว กูไม่ชอบหน้ามึงไม่ถูกชะตามึง พร้อมทั้งด่าทอพ่อแม่ของตนอย่างเสียๆหายๆ ตนนั้นก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลวงตาอ้วนถึงมาด่าทอตน ตนนั้นก็ได้แต่พนมมือยกไหว้ จากนั้นหลวงตาอ้วนก็ได้ใช้ไม้เท้าหรือไม้ตะพด ฟาดลงที่ไหล่ซ้ายของตน2ทีแต่ก็ไม่แรงนัก ตนมองดูหลวงตาอ้วนมีแววตาขึงขังจ้องเขม็งมาที่ตาอย่างน่ากลัวแต่ไม่รู้ว่าเมาหรือไม่
“จากนั้นหลวงตาอ้วนก็เดินออกไปและหันกลับมาใช้ไม้เท้าไม้ตะพดขาดใหญ่ ฟาดลงที่หัวตนอย่างแรงตอนนั้นตนรู้สึกมึนหัวและเจ็บปวดที่หัวมาก เอามือกุมที่โดนฝาดจึงรู้ว่ามีเลือดไหลออกมาจำนวนมากเนืองเต็มพื้น ส่วนหลานๆก็ได้เอาผ้ามาซับเลือด ตนนั้นก็ตกใจและพากันกลับมาบ้าน หลังจากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์แล้ว ได้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อยู่2 คืน3วัน เย็บแผล 7 เข็มกระโหลกร้าวแต่ไม่มีเลือดออกในสมอง ปัจจุบันยังมีอาการเวียนหัวและปวดศีรษะอยู่ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่เข้าใจว่าทำไม่หลวงตาอ้วนถึงได้ทำกับตนเช่นนี้ แล้วต่อไปใครจะไปกราบไหว้ให้ความศรัทธา เพราะหากหลวงตาอ้วนไม่ถูกชะตากับใครอาจทำแบบนี้อีกก็ได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก หากมีอาการป่วยก็ควรรักษา” นายเสมอกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อาสนะสงฆ์หลวงตาอ้วนซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลทุ่งมนอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพราะลงพื้นที่พบท่านเจ้าคณะตำบลทุ่งมนกำลังสอบข้อเท็จจริงกับหลวงตาอ้วนและไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามกับทางลูกศิษย์ ชื่อนางสาวอรสา จงพูลศรี อายุ 32 ปี (เสื้อสีดำคาดชมพู) ที่เป็นลูกศิษย์อยู่ประจำสำนักสงฆ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วันเสาร์เนาะคนมันก็เยอะแล้วเขาก็มากัน 6 คนผู้ชาย 2 คนเขาก็มาตะโกนนี่แหละลงรถปุ๊บตะโกน 60 91 เขาก็เดินไปที่กุฏินั่นแหละ แล้วก็ผู้หญิงก็นั่งฝั่งนี้ 3 คน ผู้ชาย 2 คน นั่งฝั่งนู้นนั่งคุยกันไม่รู้เขาคุยอะไรเสียงดังมากหลวงตาได้เตือนแล้ว 2 รอบว่าอย่าเสียงดังเพราะตอนนี้หลวงตาใช้สมาธิอยู่ ก็ไม่ฟังก็พูดอีกว่าอย่าเสียงดัง รอบที่ 3 หลวงตาไม่เตือนแล้วถือไม้มาเลย ฟาดตรงที่หัวแตกเลยแล้วผู้หญิงคนนั้นไม่รู้มาจากไหนก็มาถ่ายคลิป ถ่ายที่หลวงตาได้ตีแล้ว
สำหรับสำนักสงฆ์แห่งนี้ เป็นสถานที่พักสงฆ์ บ้านกันทจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีพระรูปเดียวคือหลวงพ่ออ้วน ก็จะมีญาติโยมคอมาถวายอาหารให้ช่วงเวลาเพลเท่านั้น ทั้งนี้จับใจความในคลิปสั้นๆซึ่งเป็นภาษาเขมรท้องถิ่นสุรินทร์ ได้ว่า “หลงพ่อพูด-ไอ้หา หรือไอ้เขายิง เดี๋ยวฆ่าตายเลย พูดเกินไป กลับบ้านไป / อีกคนตอบว่า-ไม่ไปหรอก จากนั้นฟังไม่ชัดคล้ายผู้ชายตำหนิเรื่องเมสุรา ก่อนที่หลวงพ่อทนไม่ได้วิ่งปรี่ไปตีหัว ”