กรมอุทยานฯ สั่งรื้อบ้านพักหรู 20 ล้าน ริมอ่างเขื่อนศรีนครินทร์ เตรียมรื้ออีก 7 รีสอร์ท ราคารวม 100 กว่าล้าน
18 ก.พ. 2565, 10:52
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่าตาม นโยบายทส.ยกกำลังเอกซ์ ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาดกับนายทุนผู้บุกรุกป่า แล้วยึดคืนมาฟื้นฟูเป็นป่าธรรมชาติดังเดิม
โดยวันนี้ 18 ก.พ. 2565 ได้รับรายงานจากนายยุทธพงค์ ดำศรีสุข นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 15 คน ได้ดำเนินการติดประกาศแจ้งเตือนสั่งรื้อบ้านพักตากอากาศหรูริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ มูลค่า 20 ล้านบาท บริเวณป่าบ้านหาดแตง ท้องที่หมู่ที่ 8 ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งบุกรุกก่อสร้างบ้านพักตากอากาศในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดในคดีตาม ปจว. ข้อ 3 เวลา 11.00 น. คดีอาญาที่ 111/2557 ยึดทรัพย์ที่ 43/2557 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2557 พื้นที่บุกรุก จำนวน 17-0-81 ไร่ ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างลักษณะรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศลักษณะใหม่ จำนวน 10 รายการ
และในคดีนี้มีผู้กระทำผิด ราย น.ส.พัชรินทร์ นรนิล ซึ่งมีสามีเป็นชาวต่างชาติ มาบุกรุกสร้างบ้านพักตากอากาศในอุทยานแห่งชาติ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2557 อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบ ตรวจยึดดำเนินคดีนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรด่านแม่แฉลบ ซึ่งศาลจังหวัดกาญจนบุรี มีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขดำ 3970/2560 และหมายเลขแดงที่ 5730/2560 พิพากษาว่า นางสาวพัชรินทร์ นรนิล มีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16(1)(2)(15)(24),24,27 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 24,200 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ริบของกลางและให้จำเลยรื้อบ้านพัก อาคารตามฟ้องออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติ ในส่วนคดีแพ่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ยื่นฟ้องค่าเสียหายกรณีบุกรุกพื้นที่ ต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 664/2560 และศาลได้นัดไกล่เกลี่ย และนางสาวพัชรินทร์ นรนิล ได้ตกลงและชำระเงินให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน)
สำหรับคดีทางปกครอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ออกคำสั่งที่ 77/2557 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2557 ให้ผู้กระทำผิดทำลายหรือสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปให้พ้นอุทยานฯ หรือทำให้สิ่งนั้นกลับสู่สภาพเดิมแล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 ตามความมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้กระทำผิดรื้อถอน ฉบับลงวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ผู้กระทำผิดมิได้ใช้สิทธิ์ตามกระบวนการทางปกครองหรือยื่นฟ้องต่อศาลปกครองภายในระยะเวลากำหนดแต่อย่างใด
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จึงได้มีประกาศอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ฉบับลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 และมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังนางสาวพัชรินทร์ นรนิล ให้ดำเนินการทำลายหรือรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งอื่นใด ที่ผิดไปจากเดิมออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติ ให้เสร็จสิ้น ภายใน 30 วัน (วันที่ 18 มีนาคม 2565) หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์จะดำเนินการทำลายรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ดังกล่าวเองซึ่งผู้กระทำผิด มีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการที่พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการเสียเองเป็นเงิน 366,666.80 บาท พร้อมทั้งต้องชำระเงินเพิ่มในอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีของค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ฯ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า ตนได้ลงนามในคำสั่งสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่ 378/2564 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2564 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีปกครอง คดีอาญา ที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือคดีอาญาที่พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่ยังไม่ดำเนินการรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ที่มีลักษณะเป็นที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และแพรีสอร์ท โดยมีนายสันติ ศิริเลิศ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร เป็นประธาน และผู้อำนวยการส่วนต่างๆเป็นกรรมการ ในการตรวจสอบคดีบุกรุก ยึดถือครอบครองพื้นที่ป่า โดยเฉพาะของนายทุนที่เป็นที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ หรือแพรีสอร์ท ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เพื่อที่จะตรวจสอบรายละเอียดในแต่ละคดี และจะดำเนินการสั่งทุบรื้อถอนออกไปให้พ้นพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ทั้งนี้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ยังมีคดีแปลงตรวจยึดของนายทุนที่มีลักษณะเป็นรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์จะต้องดำเนินการรื้อถอน ทุบทิ้ง ตามกระบวนการของกฎหมาย อีกจำนวน 7 แปลง ได้แก่
1.พื้นที่ตรวจยึดคดีบ้านสามหลัง คดีราย น.ส. ปาจารีย์ เวสบุตร กับพวก 3 คน พื้นที่ตรวจยึด 90-0-00 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง บ้านพักตากอากาศ 9 รายการ คดีตามคำพิพากษา ศาลฎีกา ที่ 14817/2556
2. พื้นที่ตรวจยึด รีสอร์ท ภูฟ้าอิงน้ำ คดีราย นายประชา ขันติศิริ พื้นที่ตรวจยึด 19-0-00 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง บ้านพักตากอากาศ ลักษณะรีสอร์ท จำนวน 25 รายการ คดีตาม ปจว. ข้อ 3 เวลา 11.30 น.คดีอาญาที่ 39/2551
3. .พื้นที่ตรวจยึด ARK รีสอร์ท คดีรายนางอลิสา ไชยเลิศ พื้นที่ตรวจยึด 35-1-60 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง บ้านพักตากอากาศ ลักษณะรีสอร์ท จำนวน 11 รายการ คดีตาม ปจว. ข้อ 6 เวลา 17.40 น.คดีอาญาที่ 106/2557 ยึดทรัพย์ที่ 39/2557
4. พื้นที่ตรวจยึดบ้านพักตากอากาศหรูริมเขื่อน คดีรายนายสุเทพ จิรวัตรสุนทร พื้นที่ตรวจยึด 14-2-57 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง บ้านพักตากอากาศ ลักษณะรีสอร์ท จำนวน 22 รายการ คดีตาม ปจว. ข้อ 10 เวลา 21.00 น.คดีอาญาที่ 108/2557 ยึดทรัพย์ที่ 49/2557
5. พื้นที่ตรวจยึด KPS รีสอร์ท คดีรายนายวิทยา เตมีย์ พื้นที่ตรวจยึด 12-2-83 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง บ้านพักตากอากาศ ลักษณะรีสอร์ท จำนวน 9 รายการ คดีตาม ปจว. ข้อ 5 เวลา 16.50 น.คดีอาญาที่ 105/2557
6. พื้นที่ตรวจยึดลุงเทพ โฮมสเตย์ คดีรายนายสุเทพ ศิรินาโพธิ์ พื้นที่ตรวจยึด 6-0-77 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง ลักษณะรีสอร์ท จำนวน 16 รายการ คดีตาม ปจว. ข้อ 6 เวลา 10.50 น.คดีอาญาที่ 138/2560
7. พื้นที่ตรวจยึดบ้านพักตากอากาศ คดีรายนายสายชล กกอู่ พื้นที่ตรวจยึด 16-0-80 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง ลักษณะบ้านพักตากอากาศ จำนวน 6 รายการ คดีตาม ปจว. ข้อ 2 เวลา 16.30 น.คดีอาญาที่ 101/2562
ซึ่งตอนนี้สำนักบริการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ทางกฎหมายในการดำเนินการสั่งรื้อถอน หรือพิจารณาเข้ารื้อถอนเองในคดีแต่ละแปลงดังกล่าว ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามกฎหมาย จึงขอฝากไปยังนายทุนหรือเจ้าของแปลงบุกรุกข้างต้น หากคดีดังกล่าวผู้กระทำผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสียเอง ทางกรมอุทยานฯ จะไม่ต้องฟ้องร้องเรียกค่าดำเนินการในการรื้อถอน และทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเจ้าของยังที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ทั้งนี้แม้ปัจจุบันกรมอุทยานฯจะมีแนวทางผ่อนผันให้ราษฎรอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ ตามมาตรา 64 แห่ง พรบ.อุทยานฯ 2562 แต่พื้นที่แปลงตรวจยึดดำเนินคดี และเป็นของนายทุนที่มิใช่ราษฎรในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทมาก่อนผู้ครอบครองจะไม่ได้รับสิทธิใดๆจากกฎหมายดังกล่าว