รพ.มหาราชนครราชสีมา เตรียมรับมือน้ำท่วม ประสานตำรวจ-ทหาร เร่งขนกระสอบทรายปิดกั้นจุดเสี่ยง
19 ต.ค. 2564, 13:45
วันนี้ 19 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นายภูสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา ตำรวจ และกองทัพบก ช.พัน.3 กว่า 200 คน ได้นำเครื่องจักรและกระสอบทรายจำนวนมาก ช่วยกันอุดรอยรั่ว จำนวนหลายแห่ง ที่คาดว่าน้ำจะเข้ามาภายในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังได้นำกระสอบทรายเข้ามากั้น ภายในห้องเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อป้องกันความเสียหาย หวั่นซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 53 หรือ 11 ปี ที่แล้ว ซึ่งประชาชนก็เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า โรงพยาบาลมหาราช เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีผู้ป่วยจำนวนมาก จึงต้องดำเนินการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมโรงพยาบาล มีการสำรวจจุดเสี่ยงมากให้เร็วที่สุด ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วนในการป้องกันน้ำท่วมโรงพยาบาล อีกทั้งโรงพยาบาลมีประตูทั้งหมด 11 ประตู จะนำกระสอบทรายมาปิดกั้นป้องกันน้ำท่วมทั้งหมด และเหลือประตูหน้าประตูเดียว ซึ่งประตูหน้าได้ยกสูงอยู่แล้ว ในส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ได้นำขึ้นที่สูงไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งวันนี้ได้ตำรวจ และทหาร ในการช่วย ย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมไปถึงนำกระสอบทรายมาปิดกั้นตามห้องต่างๆ ต้องให้เสร็จภายในวันนี้ ซึ่งตอนนี้จะเกิดน้ำท่วมใหญ่คล้ายปี 53 ปี หรือเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว โดยความเร็วของน้ำประมาณ 180-200 ในปี 53 น้ำมีความเร็ว 300-400 ซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ยังรับได้ และมีการเตรียมความพร้อมไว้ หากน้ำท่วมจริงจะต้องเปิดโรงพยาบาลสนาม และจะต้องเตรียมออกซิเจน ในการช่วยผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยโควิด สามารถรองรับได้ประมาณ 1 อาทิตย์ หากไม่มีการเติมถังออกซิเจน
ด้าน นายภูสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า มวลน้ำก้อนนี้ไหลมาจากลำตะคองในปริมาณมาก โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้สั่งการในสถานการณ์น้ำท่วม ให้ทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการแจ้งเตือนประชาชนในอยู่บริเวณลุ่มต่ำลำตะคอง จะต้องพร้อมเผชิญน้ำท่วม คือการยกของขึ้นที่สูง ไม่ให้ทรัพย์สินเสียหาย รวมไปถึงไฟฟ้าต้องมีความปลอดภัย อาหารต้องพร้อม แต่จุดที่เฝ้าระวังที่สุดคือโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ และต้องมีการปรับปรุงระบบในการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมในตัวโรงพยาบาล เพื่อกระทบผู้ป่วยน้อยที่สุด รู้สึกเป็นห่วงกลัวน้ำจะท่วมเหมือนปี 53 จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ