จากกรณีข่าวการจับกุมร้านหลอกขายมือถือให้กับ เด็กชั้นม.2 ที่เสียชีวิตในจ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีอาการเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก ส่งผลให้ตำรวจตามติดเส้นทางการโอนเงิน พบว่า น.ส.นฤมล อายุ 18 ปี และน.ส.สายน้ำผึ้ง อายุ 19 ปี เป็นผู้ถูกจ้างมาให้เปิดบัญชี ให้กับ น.ส.พิยดา ที่เปิดร้านค้าออนไลน์​ มีพฤติกรรมชอบใช้ของแบรนด์เนมใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มาจากการฉ้อโกงผู้อื่น

​และต่อมาพิยดาได้เข้ามอบตัวที่เชียงใหม่พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่ได้เป็นคนกระทำผิด ไม่เคยคุยและไม่เคยหลอกเด็กชายวัย 14 ปี รวมทั้งไม่รู้จักกับผู้ต้องหาเป็นหญิง 2 คนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และไม่ได้จ้างให้เปิดบัญชีด้วย

ล่าสุด(28ก.ย.64) ทางด้าน ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร จากเพจ ทนายคู่ใจ ได้ออกมาเผยวิเคราะห์ 5 ข้อต่อสู้คดีโกงไอโฟนของ "พิยดากับคำให้การปฏิเสธ" มีจุดประสงค์ หรือเหตุผลอย่างไรกันแน่

1.ปฏิเสธไปก่อนทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา เป็นสิทธิผู้ต้องหา หรือจำเลยอยู่แล้วที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหา หากพยานหลักฐานไม่ได้จะแจ้ง หรือจำนนต่อหลักฐาน ก็เป็นเทคนิคการต่อสู้คดี

2.อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้จักกับผู้เสียหายเลย เป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้อง

3.ไม่ได้จ้างใครเปิดบัญชี  ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับเจ้าของบัญชีเลย จุดประสงค์คือลองเชิงตำรวจว่าจะสืบถึงความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินได้หรือไม่

4.ไม่ได้โกงใครเลย เลิกขายไปแล้ว ประเด็นนี้ให้การว่าไม่ได้รับเงินมาเลย ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์กับทางผู้เสียหายเลยเหมือนกัน

5.ผิดสัญญาทางแพ่ง ท่าไม้ตายในกรณีที่สืบเจอเส้นทางการเงิน อาจหงายไพ่ว่า เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง รับเงินมาจริง แต่เป็นเรื่องที่ส่งมอบของล่าช้า ท้ายสุดก็ให้ศาลตัดสินเอา