ทนาย แจ้งความ 3 ข้อหารวด หลังถูกตำรวจทางหลวงบุกจับ ลั่นไมใช่บุคคลในหมายจับ
25 ก.ย. 2564, 18:50
วันที่ 25 ก.ย. จากกรณีได้รับการร้องเรียนจาก นายปกาญจน์ นพศรี อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 7 บ้านหัวหนองแวง ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ปัจจุบันเป็นประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทาง 2 นายซึ่งไม่ทราบชื่อสกุล ขับรถตำรวจทางหลวง เ มาจอดริมถนนกลางหมู่บ้านตรงข้ามที่ทำการ อบต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น จากนั้นมี เจ้าหน้าที่ อบต.ไปเรียกตนซึ่งอยู่ในบ้าน ให้ออกมาพบกับตำรวจทางหลวง โดยบอกว่าตำรวจทางหลวงมาหา จะมาจ้างให้ทำคดีมรดกให้ ตนจึงออกไปพบ
จากนั้นตำรวจทางหลวง 2 นายจึงนำหมายจับออกมาแสดง พร้อมกับบอกว่า เป็นหมายจับ นายวรชัย ไม่ทราบนามสกุล แล้วตำรวจทางหลวง ก็ถามว่ารู้จักกับบุคคลที่มีชื่อ นามสกุล และภาพถ่ายตามหมายจับนี้หรือไม่ จึงตอบว่ารู้จัก แต่ตอนนี้นายวรชัย ออกจากหมู่บ้านนี้ไปประมาณ 2 ปีแล้ว ตำรวจทางหลวงฟังจบ ก็ได้ทำการควบคุมตนและบังคับให้ขึ้นรถตำรวจทางหลวง แต่ตนไม่ยอมไป เพราะในหมายจับเป็นชื่อคนอื่นไม่ใช่ชื่อตน ตำรวจทางหลวงก็ไม่สนใจ จะอุ้มขึ้นรถให้ได้
“ผมถูกตำรวจทางหลวงยื้อยุดฉุดกระชากอยู่เป็นเวลานาน จนเสื้อขาด เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อขึ้นไปอยู่บนรถแล้วจะเกิดอะไรขึ้น โชคดีที่ชาวบ้านอยู่ในร้านค้า และอยู่ใกล้ที่ทำการ อบต.พากันมาช่วยจึงรอดพ้นจากเงื้อมมือตำรวจทางหลวงมาได้”
นายปกาญจน์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตำรวจทั้งสองนายต้องมีเป้าประสงค์อะไรสักอย่าง และเมื่อลงมือไม่สำเร็จก็ขับรถออกไป จากนั้นจึงเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย ในข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสียทรัพย์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่ สภ.หนองสองห้อง โดยมี ร.ต.อ.สุทธิพงษ์ พันสีนาค รองสารวัตรสอบสวน สภ.หนองสองห้อง เป็นพนักงานสอบสวน รับแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว
นางสาวฑิฆัมพร พรมดี อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ อบต.ดอนดู่ กล่าวว่า ขณะที่ตนเองซื้อของที่ร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 2 นายเดินมาถามว่ารู้จักทนายปกาญจน์ไหม จะจ้างให้ว่าความเรื่องมรดก จึงบอกว่ารู้จัก และไปเรียกทนายปกาญจน์ให้ เมื่อทนายปกาญจน์ออกมาพบและพูดคุยกับตำรวจทางหลวงไม่นาน ก็เห็นตำรวจทางหลวงกอดรักฟัดเหวี่ยงกับทนาย เหมือนพยายามจะอุ้มเอาตัวทนายขึ้นรถ ตนและชาวบ้านจึงวิ่งไปดู และช่วยเหลือทนายออกมาได้ ไม่ให้โดนจับไปขึ้นรถ
ขณะที่ นายสุพรรณ์ มาตย์วังแสง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 7 ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น คนเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่าเป็นคนวิ่งเข้าไปช่วยเหลือทนาย เพราะเห็นตำรวจทั้ง 2 นาย กำลังช่วยกันล็อกแขนทนายไขว้หลังพอดี จึงวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่ อบต.และร่วมกับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ มาช่วยเหลือทนายเอาไว้ได้ ไม่ให้ถูกอุ้มตัวขึ้นรถ
ทางด้าน พ.ต.อ.ธีร์ธัชช์ พงษ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.หนองสองห้อง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว และทั้งสองฝ่ายก็มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะมีการเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนตามขั้นตอน เนื่องจากฝ่ายทนายซึ่งเป็นประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล ประสงค์ดำเนินคดีกับตำรวจทางหลวงในข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสียทรัพย์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะทำเรื่องส่งไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้ทำการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงทั้งสองนายว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ และขอยืนยันว่าตำรวจทำงานตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างใคร ผิดถูกว่ากันไปตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.นายปกาญจน์ นพศรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า การกระทำของตำรวจทางหลวงทั้งสองนายนั้น โดยส่วนตัวมองว่ามีลับลมคมใน เพราะตอนที่จะพบได้บอกกับชาวบ้านว่าต้องการพบทนายความ เพื่อปรึกษาคดีมรดก เมื่อชาวบ้านมาเรียกให้ไปพบกลับถูกกระทำในเรื่องของการมีหมายจับ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งผู้ต้องหารายดังกล่าวชื่อนายวรชัย เสือแก้ว ซึ่งเมื่อตำรวจถามว่า รู้จักกันหรือไม่ ตนยอมรับว่ารู้จักกัน เพราะนายวรชัยมาจากภาคใต้มาเป็นนายประกันที่ศาลต่างๆ มีอาการป่วย จึงช่วยย้ายนายวรชัยมาเข้าในทะเบียนบ้าน เพื่อใช้สิทธิ์ 30 บาททำการรักษาอาการป่วย ต่อมา มีหนังสือแจ้งจากหน่วยงานราชการแจ้งว่า นายวรชัยมีความประพฤติไม่ชอบ ตนจึงย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ซึ่งเวลาล่วงเลยมากว่า 2 ปีแล้ว และปัจจุบันก็ไม่มาที่บ้าน หากจะจับต้องไปสืบสวนจับกุมที่อื่น แต่ตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นายก็ยังไม่ยอมลดละ
นายปกาญจน์ กล่าวอีกว่า อธิบายทุกอย่างให้ตำรวจทางหลวงทั้งสองนายได้ทราบทั้งหมดแต่ไม่ฟัง ยังคงยืนยันจะจับกุม โดยอ้างว่าภาพถ่ายตามหมายจับกับตน มีหน้าตรงกัน จึงได้พากันฉุดกระชากและล็อกมือไขว้หลัง เพื่อจะอุ้มขึ้นรถ พอดี ส.อบต.ดอนดู่ ทราบเหตุ และชาวบ้านเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก มาช่วยเหลือ และตำรวจทางหลวงทั้งสองนายก็ขับรถออกไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทางหลวงทำเกินกว่าเหตุ เพราะมีเจตนาที่ไม่ดี และถ้าตำรวจทางหลวง 2 นาย ถือหมายจับมาแสดงแล้วถามหานายวรชัย แต่ไม่ใช้พฤติกรรมเช่นนี้ ก็น่าจะดีกว่านี้ แต่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใช้การหลอกล่อ เพราะให้ชาวบ้านมาเรียกว่าจะปรึกษาเรื่องคดีมรดก จึงขอยืนยันว่า จะไม่มีการยอมความ เพราะตนก็เป็นคนขององค์กรที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ขอเอาเรื่องและดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ในเรื่องที่เกิดขึ้น มีข้าราชการตำรวจประจำ สภ.แห่งหนึ่งในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น โทรมาหา เพื่อขอเคลียร์และห้ามให้ข่าวกับสื่อมวลชนอีก แล้วจะพาตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นายมาขอโทษที่บ้าน จึงขอยืนยันว่า ตนเป็นคนมีองค์กร การกระทำที่ไม่เหมาะสม ควรได้รับการแก้ไข หากจะขอโทษต้องขอโทษต่อหน้าผู้นำองค์กรของตน รวมถึงจะนำเรื่องที่เกิดขึ้น รายงานต่อสภาทนายความให้ทราบเรื่อง และขอยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีคนหน้าเหมือน ไม่มีการทำคลิปกลั่นแกล้งใคร และตำรวจทางหลวงในคลิปก็เป็นตำรวจจริงๆ คนรูปร่างท้วม ชื่อ ด.ต.สุริยา วงษ์เบาะ คนรูปร่างผอม ชื่อ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ มาเพชร เป็นตำรวจทางหลวงประจำตู้ยามทางหลวงอ.พล จ.ขอนแก่น ส่วนรถก็เป็นรถตำรวจทางหลวงจริงๆ
พ.ต.อ.อนุรัตน์ ฉิมทิม ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวถึงที่เกิดขึ้นว่า ทราบรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว และได้สั่งการให้รายงานข้อเท็จจริงให้ทราบ ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจทางหลวงทั้งสองนาย มีหมายจับ จะไปจับผู้ต้องหา แต่มีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ และฝ่ายทนายก็ไม่ให้ความร่วมมือ ส่วนการจะอุ้มทนายขึ้นรถนั้น ทราบว่า ตำรวจทั้งสองนายไม่มีพฤติกรรมที่จะทำเช่นนั้น ไม่มีเจตนาจะทำการรุนแรง แต่เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจึงเกิดเรื่องขึ้น และหากมีรายงานสรุปจากผู้ใต้บังคับบัญชามาแล้ว จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อไป