จ่อปิด ศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุฯกาญจน์ หลังเกิดปัญหาเรียกเก็บเงิน-โดนซ้อม
21 ก.ย. 2564, 13:32
ความคืบหน้ากรณีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ หมอปลา ร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง หมู่ 10 ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายรายหนึ่งที่เข้ารับการบำบัดว่ามีการถูกซ้อมทรมานให้ทำสัญญาและเรียกเก็บเงิน หากจะออกมาก็ต้องจ่ายเงิน โดยมีผู้บำบัดอยู่กันอย่างแออัดประมาณ 300 คนแต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้องพร้อมตั้งคำถามว่าศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือไม่
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.ย.64 ที่ผ่านมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 นำรถทหารมารับกลุ่มผู้บำบัด ที่อยู่ในเรือนนอนกว่า 200 คน รวมถึงกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์อยู่ภายในกุฏิอีกหลายสิบคน ไปอยู่ที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว
ล่าสุดเช้าวันนี้ (21 ก.ย.64) นายรณภพ เวียงสิมมา ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางสาวเพ็ญศรี กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้นำท้องถิ่นได้ลงพื้นที่ไปติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพบว่ากลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่อยู่ในเรือนนอนและกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์รวม 254 คนในจำนวนนั้นเป็นพระสงฆ์ 33 รูป ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขนย้ายทั้งหมดไปพักรอที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารเขาชนไก่ ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยในวันนี้มีประเด็นสำคัญที่ทางคณะเจ้าหน้าที่จะต้องร่วมกันพิจารณาในเรื่องของการดำเนินการปิดศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแห่งนี้ โดยนายศิลา นาคหล่อ ผู้ใหญ่บ้าน 10 ต.ด่านมะขามเตี้ย เผยว่า ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาต่อเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ที่เพิ่งมรณภาพลงเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ แต่ในส่วนของศูนย์บำบัดฯชาวบ้านไม่เห็นด้วย โดยระยะหลังมานี้ทางวัดรับผู้ติดยาเสพติดมาบำบัดจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะเรื่องของโควิด-19 กรณีเรื่องของการทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตนั้นตนไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่าผู้ที่เสียชีวิตเกิดจากสาเหตุของอาการป่วยด้วยโรคหัวใจล้มเหลวและเมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพไปแล้วประกอบกับประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นตนจึงสนับสนุนให้ยุบศูนย์แห่งนี้ แต่หากภาครัฐไม่ดำเนินการปิดศูนย์ ตนก็จะทำประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 800 ครัวเรือน เพื่อเสนอปิดศูนย์ฯ ต่อไป
สำหรับบรรยากาศภายในวัดยังคงเหลือกลุ่มผู้บำบัด รวมทั้งผู้ที่บวชเป็นพระสงฆ์ประมาณ 30 คนที่ยังคงสมัครใจอยู่วัดต่อ โดยพบว่าผู้บำบัดได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ พระครูปลัดประสิทธิ์ รตินฺธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการเสนอข่าวของศูนย์บำบัดฯนายสมคิด วรรณโสภณ อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี พร้อมภรรยาได้เดินทางมารับบุตรชาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเณร กลับบ้าน พร้อมเผยว่า ตนได้ส่งบุตรชายของตนซึ่งมีอายุ 25 ปีมาบำบัดที่ศูนย์แห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.63 และหลังจากเข้ารับการบำบัดได้ประมาณ 8 เดือนก็ขอบวชเป็นพระสงฆ์ หากจะปิดศูนย์ฯแห่งนี้ก็ต้องทบทวน รวมทั้งต้องถามความเห็นพระและคนในพื้นที่ด้วย ซึ่งตนทำงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การละลายพฤติกรรม และยังเป็นอดีตประธานชมรม To Be Number One สระบุรี
จึงขอตั้งคำถามกลับว่า “คุณมีที่รองรับผู้ติดยาเสพติดที่ต้องการเข้ารับการบำบัดที่ดีกว่านี้ไหม?” “หรือจะส่งผู้ติดยาเข้าเรือนจำ ส่งเข้าบำบัด ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกจุด” เพราะบางคนเพียงแค่หลงผิดชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเขาคือผู้ป่วย จึงควรที่จะให้โอกาสเขา แต่หากปิดศูนย์ฯนี้ลง ตนตั้งคำถามว่า “สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างเรือนจำ เรือนจำทำให้คนเป็นคนดีหรือ?” ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรต้องมองให้ครบทุกมิติ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีวัดแห่งนี้ดูแลผู้ป่วยอยู่คงไม่มีใครอยากส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง หรือเข้าเรือนจำ ซึ่งการบำบัดที่ศูนย์ฯ ภายในวัดมีโอกาสที่จะศึกษาธรรมะ พัฒนาขัดเกลาจิตใจและเจริญก้าวหน้าในเส้นทางนี้ได้
ขณะที่บุตรชายของนายสมคิด ที่เข้ารับการบำบัดและบวชเป็นพระสงฆ์ เผยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ภายในศูนย์บำบัดก็ได้รับการดูแลตามปกติ โดยมีการสวดมนต์ ทำวัด ไม่มีการทรมานตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด จะมีเพียงการลงโทษเช่นเดียวกับนักเรียนที่ทำผิดและโดนทำโทษเท่านั้น
ต่อมานางนันทิรา ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางลงพื้นที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง พร้อมเผยว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้เนื่องจากเป็นห่วงทางวัด จึงได้ลงมาดูในเบื้องต้น แต่หากจะมีการดำเนินการปิดศูนย์ฯก็เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับวัด ขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าอาวาสเพิ่งจะมรณภาพ ดังนั้นคงต้องขอเวลาตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลในเรื่องใดๆ ได้ในขณะนี้