เมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาถึงที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า การสอบสวนเราได้ทำการสอบสวนตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ก่อนจะฝากขังในช่วงบ่าย แต่ถ้าติดขัดประการใด ก็จะทำให้ทันฝากขังในวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงยังพอมีโอกาสอยู่ และถ้าไม่ทันจริงก็จะเข้าไปสอบสวนต่อในเรือนจำ อย่างไรก็ตามวันนี้ก็จะสอบสวนให้ได้ประเด็นครบทุกปาก เพราะว่ามีความคืบหน้าและต้องดูว่าที่ให้การทุกปากนั้น ขัดแย้งกับพฤติการณ์ในคลิปที่มีอยู่หรือไม่ ในคลิปมันปรากฏอะไรเราก็จะต้องพยายามเก็บให้หมดทุกประเด็น แล้วอีกสักระยะก็จะต้องโอนสำนวนไปที่ส่วนกลาง แต่ว่าการดำเนินคดีหลังจากมีการแจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 157 แล้ว จะต้องส่งสำนวนไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภาค 6 เป็นผู้พิจารณาความผิดต่อไป

ขณะที่ เรื่องของกล้องวงจรปิดในโรงพัก ทีมสืบสวนได้มาทั้งระบบตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและภายหลังเกิดเหตุ รวมทั้งขณะเกิดเหตุด้วย คลิปที่ปล่อยออกมาจึงปล่อยมีความต้องการให้เห็นแค่ช่วงเหตุการณ์ที่เกิด สำหรับคนที่ปล่อยคลิป เราไม่ได้มุ่งประเด็นเรื่องการปล่อยคลิป ประเด็นเรื่องคลิปเจ้าหน้าที่มีอยู่ในหลักฐานในสำนวนอยู่แล้ว สำหรับความปลอดภัยของคนปล่อยคลิปไม่จำเป็น เพราะว่าทีมงานสอบสวนมีหลักฐานต้นฉบับของกล้องตัวนั้นอยู่แล้ว ถึงไม่มีคลิปเจ้าหน้าที่ก็มีข้อมูล เพียงแต่ว่ามันไม่ถูกต้องที่จะนำข้อมูลนี้มาเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ใช่เพื่อปกปิด แต่มันเป็นรายละเอียดในสำนวนที่มันจะทำให้ผู้กระทำผิดเขามีข้อมูลในการต่อสู้คดีได้ หลายๆ คนไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนก็จะไม่เข้าใจ ก็คิดกันไปต่างๆ นานา ซึ่งตรงนี้ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำด้วยความรอบคอบ และมีหลักฐานที่เกินพอ

กรณีที่ ผกก.โจ้ได้พูดกับสื่อหรือตะโกนบอก หรือพูดอะไรออกมา ในขณะที่ถูกคุมตัว มันก็เรื่องสิทธิส่วนบุคคล ในส่วนของการใช้ถุงดำหรือถุงขยะดำคลุมหัวนั้น ข้างถุงเขามีคำแนะนำและข้อควรระวัง หนึ่งในข้อห้ามว่าไม่ควรใช้สวมศีรษะและใบหน้า ในส่วนที่ ผกก.โจ้ได้อ้างว่ากลัวจะเห็นในหน้าตนนั้นก็เป็นสิทธิของเขา ส่วนการพูด ผกก.โจ้ บอกกับสื่อมวลชนว่ายอมรับผิดแต่เพียงคนเดียวนั้น ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา พฤติการณ์มันจะเป็นตัวบ่งชี้ในคลิปอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการหน่วงเหนี่ยวกักขัง การปฏิบัติมิชอบ