จากกรณีเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 นางเอกสาวคุณแม่ลูกสอง "ชมพู่ อารยา" ได้ออกมารีวิวนำร่องโชว์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เรียกได้ว่าถือเป็นการเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งโดยได้ระบุว่า

"ก่อนอื่นขอแชร์ว่าส่วนตัวตัดสินใจแน่วแน่ที่จะรับวัคซีน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดตอนนี้หนักหน่วง+มีลูกเล็ก+ห่วงว่าจะเป็นพาหะให้ยายหนิง และที่สำคัญคือมีแพลนที่จะตั้งครรภ์ แต่มองไม่เห็นเลยว่าสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อไปอีกเท่าไหร่ อยากจะให้ตัวเองมีภูมิคุ้มกันให้มากที่สุด นอกเหนือไปจากการตั้งการ์ดให้สูงที่สุด รักษาร่างกายให้แข็งแรง รวมไปถึงการกิน/ใช้ทุกทุกอย่างที่แชร์กันตามโซเชียลว่าช่วยในการสู้รบกับเชื้อโควิด(ของฤทธิ์ร้อน สมุนไพร ยาจีน ยาเขียว น้ำยาบ้วนคอ) 

จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลถึงตัวเลือกต่างๆที่มีบอกตามตรงว่าในช่วงแรกๆที่มีข่าวการผลิตวัคซีนออกมา ก็คิดว่าถ้ามีโอกาสก็คงเลือกยี่ห้อที่ชื่อติดหูเราเช่น Pfizer หรือ J&J และขอสารภาพตามตรงว่า ความคิดที่จะดิ้นรนไปฉีดต่างประเทศก็มีค่ะ ระหว่างนั้นก็ได้พยายามหาความรู้เท่าที่จะหาได้เกี่ยวกับวัคซีนแต่ละยี่ห้อเอามาประกอบการตัดสินใจ เรียกได้จะมรให้ฉีดรึเปล่าค่อยว่ากัน แต่อยากรู้ว่าแต่ละตัวมีข้อดี ข้อเสียและประสิทธิภาพ ต่างกันยังงัย แล้วค่อยคิดว่าจะหามาฉีดยังงัย 

ที่นี่มาดูเกณฑ์ในการประกอบการตัดสินใจของชนนะคะ
1. effifiency rate
2.side effect
3.  เทคโนโลยีที่ใช้ผลิต
ในส่วนของeffifiency rateจะเห็นว่าตัวเลขที่แชร์กันค่า effifiency rateของpfizerจะสูงที่สุด รองลงมาคือ moderna ส่วนsinpvacจะอยู่ท้ายๆหน่อย ซึ่งมองดูแล้วคิดแบบง่ายๆค่าeffifiency สูงก็น่าจะหมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันสูง ถูกมั้ยคะ ที่นี้ไอ้ค่าeffifiency rateเนี้ย มันได้มายังงัย ชมมีคลิปนึง(สามีส่งมาให้)อธิบายได้เคลียร์มากจะแปะลิ้งไว้ในสตอรี่นะคะ เผื่อใครสนใจจะหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่สรุปรวมๆ ก็คือ วัคซีนแต่ละยี่ห้อ ก็เก็บข้อมูลของตัวเอง ต่าวสถานที่ ต่างเวลา ในระยะของการระบาดที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น จะนำมาเปรียบเทียบกันว่าอันไหนกันการติดเชื้อได้มากกว่า ก็ดูจะไม่แฟร์เท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มียี่ห้อไหนที่กันได้ 100% แต่ที่ทุกยี่ห้อมีเหมือนกันคือ กันไม่ให้มันเล่นเราหนักลดอัตราการเป็นผู้ป่วย ICU ช่วยแบ่งภาระของบุคคลากรทางการแพทย์ และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 

ประกอบกับชมเชื่อว่าไม่ว่าจะฉีดยี่ห้ออะไร เราก็ยังต้องห้ามการ์ดตกอยูาดี ก็ใช่ว่าฉีดปุ๊บจะได้ถอดแมสปั๊บ แต่ฉีดเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง "

ล่าสุดวันนี้ (18 พ.ค. 2564) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ผมขอชื่นชมในความคิด การศึกษาข้อมูล และใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ของคุณชมพู่ รวมถึงการไม่ก้าวล่วง ผู้ที่คิดต่าง ในประเด็น “วัคซีน” ครับ #ชื่นชมชม #ถ้าทัวร์ลงจะงงมาก"