ผู้ว่าฯ นครพนม จ่อสอบเอาผิดผับดังต้นเหตุแพร่โควิด มีเด็กวัย 18 เที่ยว
30 เม.ย. 2564, 14:00
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนางสาวอิสรีย์ อินทร์ไชยา อายุ 49 ปี หรืออู๋ อวดอ้างเป็นพระยาธรรมมิกราช ซึ่งตั้งตนเป็นภิกษุณีเจ้าสำนักในสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนา พระพุทธสิกขี ตั้งอยู่ เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม โดยทางตำรวจได้นำหมายศาลเข้าจับกุมฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมขยายผลจับกุมสาวกที่ทำหน้าที่นายหน้าหาลูกค้าซื้อกองทุนผ้าป่าแบบคืนกำไรคล้ายแชร์ลูกโซ่ อีก 5 ราย รวมถูกจับกุมดำเนินคดี 6 ราย ส่วนผู้ตกเป็นเหยื่อรวมเกือบ 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน 2564 นอกจากพี่สาวแท้ๆที่ออกมาแฉพฤติกรรมลวงโลกของน้องสาวตุ๋นเงินไปหลายล้าน ก็ยังมีคุณป้าอดีตเจ้าของที่ดินที่ขายให้ไปตั้งสำนักออกมาแฉพฤติกรรมซ้ำว่า เป็นการอุปโลกน์ ตัวเองเป็นผู้ถือศีล ทั้งที่ขาดศีลธรรมและหลอกลวงประชาชน อีกทั้งยังมีปัญหารุกที่ดิน รวมถึงมีเจ้าหนี้ติดตามไล่ทวงถามกรณีนำที่ดินตั้งสำนักไปจำนองกับนายทุน แต่ไม่ยอมใช้หนี้จนปัจจุบันถูกฟ้องยึดที่และขายทอดตลาด
เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากนางแดง ปัญญาดี อายุ 61 ปี ชาวบ้านดงโชค หมู่ 1 ต.หนองญาติ ว่า เดิมนางสาวอิสรีย์ขณะยังไม่นุ่งห่มด้วยจีวรแดง แต่งกายเหมือนคนปกติทั่วไป ปี 2557 ได้มาติดต่อขอซื้อที่ดินตน หลังทราบว่าตนอยากขายที่ดินจำนวน 7 ไร่ โดยบอกว่าซื้อไว้ปลูกบ้านธุรกิจโรงงานน้ำดื่ม จึงตกลงราคาขายให้ในราคา 1.3 ล้านบาทโดยจ่ายเป็นเงินสด ตนคิดว่าเขาคงมีเงินและธุรกิจส่วนตัวมาจากต่างจังหวัด พอซื้อที่ดินได้ประมาณ 2-3 ปี พบว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรม แต่ตนไม่สนใจเพราะขายไปแล้ว และมารู้อีกทีว่านางสาวอิสรีย์หรืออู๋บวชเป็นเจ้าสำนักแต่งกายป็นภิกษุณี แต่ไม่เคยเจอตัวเพราะเขาจะอยู่ในสำนักไม่ออกมาพบใคร
จนกระทั่งเมื่อปี 2563 ตนได้เข้าไปขอพบอรหันต์อู๋ เพราะเกิดปัญหาคือทางสำนักมีการรุกล้ำที่เข้ามาในพื้นที่ดินของตนประมาณ 1 ไร่เศษ เพื่อสร้างพระพุทธรูป และเตรียมจะสร้างกำแพงครอบเอาพื้นที่ ตนถือว่าไม่ถูกต้องจึงเข้าไปทักท้วง กลับถูกอรหันต์อู๋ด่าทอขั้นขึ้นมึงขึ้นกู ตนมองว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งที่อ้างเป็นผู้ถือศีล จึงไม่นับถือกราบไหว้ และเชื่อว่าเป็นการอุปโลกน์ตนเองขึ้นมาเท่านั้น อีกทั้งยังมีพฤติกรรมพิรุธหลายอย่าง เช่นไม่มีการขออนุญาตเป็นปฏิบัติธรรม แต่กลับมีพระและแม่ชีอยู่ร่วมกัน ไม่เปิดเผยให้คนภายนอกเข้าไปรับรู้ สุดท้ายเกิดปัญหาขึ้นจริง ซึ่งในเรื่องที่ดินถูกรุกล้ำ ตนได้แจ้งความและให้ที่ดินออกมาสอบแนวเขตเพื่อรักษาสิทธิ์แล้ว หากไม่มีการคืนจะดำเนินคดีถึงที่สุด
นางแดงเล่าต่อว่า ล่าสุดเรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะมีนายทุนได้มาติดต่อให้ข้อมูลตนอีกว่า พื้นที่ดิน 7 ไร่เศษที่ขายให้นั้น นางสาวอิสรีย์นำไปจำนองไว้กับนายทุน ตั้งแต่ปี 2559 ในราคา 3.5 ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย จนปัจจุบันยังไม่มีการใช้หนี้คืน และหลบหน้าเจ้าหนี้ตลอด จนกระทั่งมีการฟ้องร้องทางแพ่งเมื่อปี 2561 จุดท้ายศาลจังหวัดนครพนม สั่งให้บังคับคดีขายทอดตลาด แต่ยังขายไม่ได้ โดยทางนายทุนรู้สึกหนักใจมาก เพราะอรหันต์อู๋ถูกจับดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ส่วนที่ได้ประกาศขายทอดตลอดแต่ยังไม่มีคนสนใจ เพราะในพื้นที่สร้างเป็นสำนักคล้ายวัด มีสิ่งปลูกสร้างเป็นพระพุทธรูปส่วนใหญ่ จึงไม่รู้ว่าจะมีใครกล้ามาซื้อบ้าง