เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



 ทุบแล้ว ! "รูปปั้นตัดศีรษะ" ยื่นถวายเป็นพุทธบูชา หวังเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า


23 เม.ย. 2564, 11:58



 ทุบแล้ว ! "รูปปั้นตัดศีรษะ" ยื่นถวายเป็นพุทธบูชา หวังเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า




เมื่อวันที่ 22 เมษายน  2564  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในวันนี้ความคืบหน้าในเรื่องที่อดีต พระธัมกร ฐานธัมโม หรือนายธัมกร วังปรีชาอดีตเจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง ซึ่งได้ลาสิกขาบทมาแล้ว 1 วัน ได้ฆ่าตัวเองด้วยการตัดคอตัวเองด้วยเครื่องกิโยติน คือเครื่องตัดคอสมัยโบราณ ตัดคอตัวเองซึ่งเป็นของมีคมความกว้างประมาณ 4 นิ้วยาวประมาณ 1 เมตร รวมด้าม ซึ่งมีเสาเหล็กคู่ตั้งอยู่2 ด้านโดยใช้ก้อนปูนซีเมนต์เทหล่อในถังพลาสติก จำนวน 2 ก้อนผูกติดกับด้ามมีดข้างละก้อน แล้วใช้เชือกดึงขึ้นไปบนเสาจากนั้นได้เข้านอนเอาหัวตัวเอง เข้าไปนั่งก้มอยู่ตรงใบมีดที่จะตกลงมาและใช้มีดขนาดเล็กตัดเชือกเมื่อเชือกขาดมีดที่ผูกติดก้อนปูนได้ตกลงมาจากที่คอทำให้ศีรษะขาดออกจากลำตัวเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 เมษายน  2564 เวลา 05.19 น.เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  ที่ผ่านมา ที่บริเวณที่พักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความสะสนใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก

โดย ขณะที่เกิดเหตุนั้นได้มีกลุ่มลูกศิษย์นุ่งขาว ห่มขาว ทำการนั่งสวดมนต์อยู่ที่บริเวณด้านหน้า เจดีย์ “สัพพสังวรเจดีย์” ประมาณ 50 คนนอกจากนั้นเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นการตายโดยผิดธรรมชาติและหลังจากเกิดเหตุแล้ว ได้มีลูกศิษย์ผู้เกี่ยวข้องส่วนหนึ่ง ได้ทำการ นำร่างของอดีต พระธัมกร ฐานธัมโม เข้าทำการบรรจุในโลงศพ โดย นำส่วนของร่างกายบรรจุในโลงไม้ที่ยาวส่วนด้านบนจะบรรจุส่วนของศีรษะ และตกแต่งบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนมาลัยพร้อมทั้งยังได้ ทำการล้างคราบเลือด ถอดเครื่องกิโยติน ที่ใช้ตัดคอออกจากกันนำไปเก็บไว้ที่อื่น ล้างคราบเลือดในที่เกิดเหตุ และแจ้งให้พ.ต.ท.ไพโรจน์ คำมะตะศิลา  สารวัตรเวรสภ.เมืองหนองบัวลำภู สารวัตรเวร ได้ทราบในช่วงเวลา 10.30 น.จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวรที่พบเพียงร่างของผู้ตายถูกนำบรรจุไว้ในโลงศพแล้ว และไม่ได้พบเห็นสภาพของสถานการณ์หลังการเสียชีวิตอีกทั้งยังมีการเคลื่อนย้ายศพ ทำให้เกิดคำถามที่ว่า สามารถกระทำได้หรือไม่ และอาจจะเป็นการฆาตกรรมแล้วแล้วทางกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันช่วยกันปกปิดว่าเกิดการฆ่าตัวตายและนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์เวร ยังสถานที่เกิดเหตุ หลักฐานต่างๆ  ก็ถูกทำลาย เคลื่อนย้ายหมดแล้ว

 

 



โดยเมื่อวานนี้ 22 เม.ย. เวลา 14.00 น.  ทางด้าน  นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู  ได้มอบหมายให้ พ.อ.พุทธิวัฒน์  สิริพงศ์พล รอง ผอ.รมน.จังหวัดหนองบัวลำภู  นายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู  พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ นายเผด็จ  โยธะพล  หมอพราหมณ์ จากจังหวัดอุดรธานี เดินทางเข้าไปยังวัดภูหินกอง  เพื่อทำการทุบทำลายรูปปั้นตัดศีรษะแล้วถือยื่นมือ ไปยัง เจดีย์ “สัพพสังวรเจดีย์”ที่เป็นเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยก่อนที่จะทำการทุบทำลาย หมอพราหมณ์ ได้การสวดมนต์และนำก้อนหินมาผูกเชื่อกเสี่ยงทาย ถามกับวิญญาณเจ้าที่ว่าจะให้ทำการทุบทำลายหรือไม่โดยได้ผูกก้อนหินกับเชือก แล้วสอบถามให้แกว่งตามคำบอก ซึ่งจากการเสี่ยงทายหินแกว่งเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ทุบทำลายได้โดยก่อนจะทุบ หมอพราหมณ์ ได้เดินรอบรูปปั้นและไปยืนที่ด้านหน้า ท่องคาถาเมื่อเสร็จแล้วได้ให้ นายอภิชาต  ชาตรีเจริญ  ผู้ช่วยหมอพราหมณ์  ได้นำขวานขึ้นไปทุบก่อนเป็นคนแรก จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ อส.ทำการทุบต่อและนำเอาเศษชิ้นส่วนของปูน ขึ้นรถไปทิ้งที่อื่น เพื่อจะได้ไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและอาจจะก่อให้เกิดการเลียนแบบในการฆ่าตัวตาย  ในลักษณะดังกล่าว และรูปปั้นดังกล่าวไม่ได้เป็นเครื่องสติเตือนใจอะไรเกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนาซึ่งในการทุบทำลายครั้งนี้ได้มีประชาชนให้ความสนใจมาเฝ้าคอยดูสังเกตุการณ์  ประมาณ 100 คน และไม่มีเหตุการณ์ในการต่อต้านคัดค้านจากลูกศิษย์และผู้ศรัทธาแของทางที่พักสงฆ์แต่อย่างไร

 

 

ทางด้านนายประยูร  อรัญรุท  นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู กล่าวว่าที่ต้องนำหมอพราหมณ์ มาทำพิธี ก็เนื่องด้วยเราได้ปรึกษากับหลายฝ่ายกับผู้มีความรู้ มีภูมิปัญญาทางด้านนี้ และทาง ผวจ.หนองบัวลำภู เอง ก็บอกว่า บอกกล่าวสักหน่อยบางครั้งเราก็ไม่หลบหลู่เพราะยังมีคนที่นับถืออยู่ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนทางด้านจิตใจเราก็ได้ปรึกษากับหลายฝ่าย แต่เราก็ต้องทำการทุบทิ้งเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องความเชื่อของประชาชนต่อไป

 

 

ทางด้านพ.อ.พุทธิวัฒน์  สิริพงศ์พล รองผอ.รมน.จังหวัดหนองบัวลำภู  กล่าวว่า ส่วนของอิฐปูนที่ทุบทิ้งแล้วก็จะได้ให้เจ้าหน้าที่อส.นำไปทิ้งที่อื่น ไม่ปล่อยไว้ที่นี่ ส่วนเรื่องของพื้นที่ ในอนาคต ตอนนี้ยังไม่อยากจะพูดถึงถ้าพูดไปแล้วอาจจะไม่เป็นไปตามที่พูด จะต้องพูดจากข้อมูลที่มีการปรึกษาหารือกันหลายฝ่ายซึ่งจะต้องมี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มี เจ้าหน้าที่ทหาร จากทาง มทบ.28 สำนักงานพระพุทธศาสนาพระสงฆ์ และอีกหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องระยะยาวว่าจะทำได้อะไร ได้อย่างไร

 

 


ส่วนทางด้าน พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญผบก.ตร.ภ.จว.หนองบัวลำภู กล่าวว่า สำหรับในเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ทำการติดตามเรื่องนี้แล้ว 2 คณะ คือ คณะกรรมการสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.ณธีพัฒน์  จิรัฐวรโชติ  ผกก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูพร้อมคณะ 10 นาย  และคณะพนักงานสอบสวนนำโดย พ.ต.อ.ประทีป  ปัญโญวัฒน์  ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู พร้อมคณะอีก 7 นายร่วมทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความจริงให้ได้เร็วที่สุด หากการสืบสวนว่ามีการกระทำผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวพันถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีอำนาจสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้กระทำผิดด้วย

 

 

ทั้งนี้ ได้มอบหมาย ให้ พ.ต.อ.กริช  ปัตลา รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของคณะพนักงานสืบสวนและพนักงานสอบสวน  โดยได้เร่งให้ดำเนินการโดยเร็วเพื่อให้ได้ความกระจ่างเนื่องจากเป็นคดีที่สนใจของคนจำนวนมาก ซึ่งความผิดต่อการสนับสนุนให้มีการฆ่าตัวตาย หรือหากพบเห็นผู้ที่กำลังกระทำการฆ่าตัวตายแล้ว ไม่ห้าม ไม่ช่วยเหลือก็ถือว่ามีความผิด ตอนนี้ได้ทำการสอบสวนและคืบหน้าไปมากแล้วแต่จะเร่งสรุปให้เร็ว

 

 

พ.ต.อ.กริช  ปัตลา รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู กล่าวว่าจากที่เราได้พบอุปกรณ์ในการทำเครื่องกิโยติน มาแล้วจากวัดในพื้นที่อุดรธานี โดยพระทางวัดที่รับก็แจ้งว่าไม่ได้นำไปมีคนนำไปไว้ที่วัด ส่วนการหาดีเอ็นเอ ของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเวลาหลายวันจะต้องส่งไปตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน ใน กรุงเทพมหานคร ส่วนการสืบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์จะต้องใช้เวลาในการสืบ ทางด้านพระวุฒิสาร  โสภณ เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติกล่าวว่า การที่คนเราฆ่าตัวตายนั้นถือว่าเป็นบาป ถ้าเป็นพระก็ถึงขั้นปาระซิกแต่ในกรณี อดีต พระธัมกร  ฐานธัมโมนั้นถือว่าไม่ได้เป็นพระแล้ว การฆ่าตัวตายเพื่อถวายเป็นพุทธบูชานั้นเป็นเรื่องที่ผิด การฆ่าสัตว์ก็ถือว่า ผิดแล้วในศีลห้า ข้อ 1 การฆ่าตัวตายนั้น จะห้ามนิพพาน ห้ามสวรรค์ ก็คงจะเหลือทางเดียวคือ นรก นอกจากนั้นเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ ยังกล่าวอีกว่า ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านก็ได้ว่ามาอย่างนี้   “...ฟังพระสงฆ์บางรูปที่ไม่ได้เล่าเรียนมาศึกษาพระไตรปิฏกให้รู้จริงมาเทศนาเลอะๆ ลามๆ ใกล้จะเสียจริต พรรณนาสรรเสริญว่า เป็นบุญเป็นกุศลมากแล้วหลงใหลเห็นตามไปเหมือนอย่าง เผาตัวบูชาพระรัตนตรัย และเชือดคอเอาศีรษะบูชาพระเชือดเนื้อรองเลือดใส่ตะเกียง ตามบูชา แลทำการอื่นอันขัดต่อราชการแผ่นดินก็โดยมีชุกชุม เหมือนอย่าง สามเณรสุกเผาตัว ที่วัดหงสาราม แล นายเรือง นายนกเผาตัวบูชาพระ ที่หน้าพระอุโบสถ วัดอรุณราชวราราม และนางชีผู้หนึ่งเผาตัวบูชาพระพุทธบาท เป็นตัวอย่างที่เห็นอยู่ทั่วกันดังนี้  ผู้ครองแผ่นดินที่เป็นธรรมแลท่านเป็นคนฉลาดทั้งปวงไม่เห็นว่า เป็นความดีความชอบด้วยเลยแต่สักศาสนาหนึ่ง...นักปราชญ์ได้ค้นหาในพระคัมภีร์ ที่ควรเชื่อได้ว่าเป็น พระบาลีพุทธภาษิต  ฤาสาวกภาษิต ในศาสนาก็ไม่พบเห็นเลยแต่สักแห่งหนึ่ง ว่า การกระทำอย่างนั้นเป็นการกุศล...ถึงในพระวินัยบัญญัติก็ให้ห้ามไว้ มิให้พระสงฆ์ชักชวนคนให้ฆ่าตัว  ถ้าพระสงฆ์รูปใดชักชวนคนให้ฆ่าตัวถ้าพระสงฆ์รูปใดชักชวนมนุษย์ให้ตายด้วย วจีประโยคก็เป็นปาราซิก เพระฉะนั้นจึงเห็นว่า ไม่ใช่การกุศล ไม่ควรอนุโมทนา....“...การเผาตัวบูชาพระก็ดี เชือดเนื้อรองโลหิตใส่ตะเกียงตามบูชาพระก็ดี ตัดศีร์ษะบูชาพระก็ดี เห็นว่าไม่ใช่ทางของคนฉลาด เปนหนทางของคนเสียจริต ไม่ควรที่คนทั้งปวงจะเห็นว่าเปนการบุญเปนการกุศลในพระพุทธสาสนา...”ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ ปีมะเมียสัมฤทธิศก เรื่อง ประกาศการถือสาสนาแลผู้ที่ถือผิด

 

 

 

 

 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.