ด่วน ! "สภากาชาดไทย" วอนคนไทย บริจาคโลหิตขาดแคลนหนัก ช่วยผู้ป่วยทั่วประเทศ !
23 เม.ย. 2564, 11:04
ล่าสุด (22เม.ย.64) ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เผย COVID-19 ระลอกใหม่ กาชาดและโรงพยาบาลทั่วประเทศขาดเลือดหนัก วอนคนไทยสุขภาพดี บริจาคโลหิต ช่วยผู้ป่วยทั่วประเทศ
ทางด้านรศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้การบริจาคโลหิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยที่โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 340 แห่ง มีความต้องการใช้โลหิตวันละ 6,500 – 7,000 ยูนิต ปัจจุบันปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศ ได้เพียงวันละ 2,000 ยูนิตเท่านั้น เนื่องจากจำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงอย่างมากทุกแห่ง หน่วยงานยกเลิกการจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต พนักงานหลายองค์กรต้องทำงานที่บ้าน เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดหรือมีการกักตัว โรงพยาบาลทุกแห่งขาดเลือด ไม่มีโลหิตเพียงพอในการรักษาและผ่าตัดผู้ป่วย รวมทั้งผู้ป่วยเด็กโรคเลือด อาทิ โรคธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย ที่ต้องใช้เลือดในปริมาณมากและต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป การชะลอและเลื่อนการรักษาด้วยโลหิต อาจส่งผลอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้
ขอให้ผู้บริจาคโลหิตเชื่อมั่นในการทำงานของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ผู้ทำหน้าที่จัดหาโลหิตบริจาคที่ปลอดภัยให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยยกระดับ มาตรการ 3 ข้อ “คัดกรอง เข้มงวด ครอบคลุม” ดังนี้
1. คัดกรอง สำหรับผู้บริจาคโลหิต ขอให้คัดกรองตนเองก่อนมาบริจาคโลหิต เช่น หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง มีผื่นขึ้น เดินทางไปยังสถานบันเทิง ตลาด สถานที่แออัด พื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย/ ผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ต้องงดบริจาคโลหิตอย่างน้อย 14 วัน
สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 สามารถบริจาคโลหิตได้ ดังนี้
- กรณีฉีดวัคซีน Sinovac เว้น 1 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
- กรณีฉีดวัคซีน Astrazeneca และ Johnson & Johnson เว้น 4 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
- หากมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ขอให้รอหลังหายดีแล้ว เว้น 1 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
2. เข้มงวด บุคลากรมีความตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทุกคนในพื้นที่สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีแอลกอฮอล์เจลล้างมือทุกจุดสัมผัส สถานที่และอุปกรณ์สะอาดปลอดเชื้อ จัดให้มี การเว้นระยะห่าง และจัดตั้งฉากกั้นระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้บริจาคโลหิตทุกจุดของกระบวนการบริจาคโลหิต
3. ครอบคลุม โดยมาตรการทั้งหมดครอบคลุมทั้งที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยเคลื่อนที่ และหน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานสากล
สถานที่รับบริจาคโลหิต (ส่วนกลาง)
- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
- หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ 6 แห่ง ได้แก่
สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค),บ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง),เดอะมอลล์ บางแค,เดอะมอลล์ บางกะปิ,เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม
สถานที่รับบริจาคโลหิต (ส่วนภูมิภาค)
- จ.ลพบุรี ,ราชบุรี,ขอนแก่น,นครสวรรค์,เชียงใหม่,ภูเก็ต,ชลบุรี,นครราชสีมา,อุบลราชธานี,พิษณุโลก,สงขลา และนครศรีธรรมราช
โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต 6 แห่ง
-โรงพยาบาลตำรวจ
- โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
- โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ
- โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
- โรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
- สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า
ผู้บริจาคโลหิตต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงตามความเป็นจริง หากไม่แน่ใจ ควรงดการบริจาคโลหิตชั่วคราว เพื่อเว้นระยะเวลาการพบเชื้อ 14 วัน
ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เดินทางมาบริจาคโลหิต และตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่รับบริจาค