วันที่ 31 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางอัจฉรา ศะศิประภา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.บ้านโข้ง ต.อู่ทอง ว่าได้เกิดไฟไหม้ป่าชุมชนและบนภูเขาบ้านทุ่งดินดำ หมู่ 4 ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง ลุกลามเสียหายจำนวนมากหลังเกิดเหตุ พร้อมด้วย  จิตรอาสาและอาสาป่าชุมชนบ้านทุ่งดินดำ พระลูกวัดทุ่งดินดำ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบ้านโข้ง และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ช่วยกันเข้าทำการดับไฟ แต่ไฟได้ไหม้พื้นที่ป่าเสียหายจำนวนมาก

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ดูร่องรอยไฟป่าที่เผาไหม้บริเวณ ภูเขาหน้าผาแดง และป่าชุมชนในพื้นที่ของ หมู่ 4 บ้านทุ่งดินดำ ต.บ้านโข้ง ที่ถูกไฟไหม้เสียหายกว่า 500ไร่ โดยป่าชุมชนแห่งนี้ มีพื้นที่ 1,600ไร่ อยู่ห่างจากวัด โรงเรียน และบ้านเรือนของชาวบ้านประมาณ 4-500 เมตร โดยร่องรอยไฟไหม้ได้ลุกลามเข้าพื้นที่การเกษตร ของชาวบ้านซึ่งมีทั้งไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง บ้านพักกลางไร่อ้อย อุปกรณ์ปั๊มสูบน้ำ ท่อน้ำที่ใช้สำหรับให้น้ำไร่อ้อย ถูกไฟไหม้เสียหายโชคดีที่ไร่อ้อยบางส่วนเจ้าของไร่เพิ่งจะรดน้ำได้ไม่นานต้นอ้อยและใบอ้อยยังเขียวจึงรอดจากถูกไฟไหม้

นางอัจฉรา ศะศิประภา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.บ้านโข้ง เล่าว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 แล้วนับจากต้นปี แต่ละครั้งก็สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ไฟไหม้ป่าชุมชน บ้านทุ่งดินดำ ครั้งนี้ ทาง เทศบาล ต.บ้านโข้ง  จิตรอาสา อาสาสมัครป่าชุมชนบ้านทุ่งดินดำ และชาวบ้านช่วยกับดับไฟโดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี กว่าจะดับได้ต้องใช้เวลาถึง 2 วัน 2 คืน สำหรับป่าชุมชนแห่งนี้ เป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้ของชาวบ้าน โดยการเข้าไปหาเห็ดโคน หน่อไม้ ผักหวาน และก็ของป่าอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าประเภท ลิง สุนัขจิ้งจอก กระต่ายรวมทั้งนกต่างๆ อาศัยอยู่ด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ชาวบ้านจะทำอย่างไร เมื่อแหล่งอาหารแหล่งรายได้ถูกทำลายจากคนพื้นที่อื่นเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาหากินแล้วทำความเสียหายให้กับป่าชุมชนนอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มมลพิษทางอากาศ PM 2.5 อีกด้วย