วันนี้ (4 ก.พ. 2564) เวลา 12.30 น. ที่ อาคารรัฐสภา พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ตอบกระทู้ถามที่ 294 ตั้งกระทู้ถามโดย นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย จังหวัดสกลนคร กรณี ขอให้ปรับปรุงระบบการจัดทำน้ำประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดสกลนคร โดยมีรายละเอียดพอสรุปได้ดังนี้

1. การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาสกลนคร มีสถานีผลิตน้ำรวมสองแห่ง ได้แก่ สถานีผลิตน้ำ บริเวณสำนักงานประปาสกลนคร มีกำลังการผลิตน้ำ 1,250 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และ สถานีผลิตน้ำแห่งที่ 2 บริเวณบ้านดอนเชียงคูณ มีกำลังการผลิตขนาด 500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดย กปภ. มีระบบกรองน้ำประปาส่วนภูมิภาคของจังหวัดสกลนคร โดยเป็นระบบผลิตน้ำประปาแบบ Conventional ซึ่งมีข้อดี คือ การอาศัยหลักการไหลโดยแรงโน้มถ่วงเป็นหลัก ทำให้ไม่มีกลไกเครื่องจักรกลที่ซับซ้อน ประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา มีความยืดหยุ่นสำหรับน้ำดิบของหนองหาร ที่มีคุณภาพเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันมากตามช่วงฤดูกาล ระบบสามารถผลิตน้ำประปาอย่างมีคุณภาพ มาตรฐาน กปภ.สาขาสกลนคร ได้มีการปรับปรุงระบบผลิตหลายครั้ง เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้น้ำ รวมถึงได้มีการน้ำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งานร่วมกับระบบผลิตน้ำประปาที่มีอยู่ เช่น ระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำดิบแบบต่อเนื่อง ระบบควบคุมการผลิตระยะไกล และการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียด้วยระบบ DMA เป็นต้น ซึ่งทำให้ กปภ. สาขาสกลนครสามารถผลิตน้ำประปาที่มีคุณภาพ ให้บริการประชาชนผู้ใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ กปภ. ได้จัดเตรียมแผนงานโครงการเพื่อการพัฒนาปี 2567 แผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาสกลนคร เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของชุมชนเมืองและพื้นที่ให้บริการของ กปภ. สาขาสกลนคร ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถตอบสนองความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ได้จนถึงปี พ.ศ. 2579

ในด้านคุณภาพน้ำของหนองหาร โดยสรุปจากรายงานการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาหนองหารอย่างยั่งยืน เมื่อปี 2560 โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติสกลนคร และจากรายงานหลักการศึกษาโครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนหลักการพัฒนาหนองหาร ปี 2562 พบว่า คุณภาพน้ำหนองหารในภาพรวม อยู่ในระดับพอใช้-ดี สามารถนำมาใช้ผลิตน้ำประปาได้ รวมถึงผลทดสอบสารเป็นพิษและโลหะหนักที่ กปภ. เก็บทดสอบ ยังตรวจไม่พบสารเป็นพิษหรือโลหะหนักอันตราย ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ หรือกระทบต่อกระบวนการผลิตน้ำประปา

2. ในการพิจารณาถึงความเหมาะสมของสถานที่ ที่จะใช้เป็นที่ตั้งสถานีผลิตของ กปภ. สิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกคือ แหล่งน้ำดิบ ซึ่งการพิจารณาแหล่งน้ำที่จะนำมาใช้เป็นน้ำดิบ สำหรับผลิตน้ำประปามีแนวคิด ดังนี้

(1) พิจารณาแหล่งน้ำเดิมที่ใช้อยู่ก่อน ว่ามีศักยภาพเพียงพอสำหรับใช้เป็นแหล่งน้ำในอนาคตหรือไม่ เนื่องจากการใช้แหล่งน้ำเดิม สามารถที่จะใช้โรงสูบน้ำดิบ สถานที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ถังน้ำใส ฯลฯ เพื่อให้ประหยัดงบประมาณในการก่อสร้าง

(2) ถ้าแหล่งน้ำเดิมมีศักยภาพไม่เพียงพอ จะพิจารณาน้ำผิวดินประเภทโครงการชลประทานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ ฝายทดน้ำ หรือลำน้ำที่มีพื้นที่รับน้ำมากๆ เนื่องจากมีความมั่นคงทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เหมาะสำหรับการนำไปใช้เป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา 

(3) กรณีบางพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำที่มีศักยภาพ จะพิจารณาโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่อยู่ในแผนงานของหน่วยงานต่างๆ ควบคู่กันไปโดยจะพิจารณาตามการจัดระยะของแผนพัฒนาของหน่วยงานนั้นๆ 

นอกจากนั้นแล้ว ในอนาคต กปภ. จะมีโครงข่ายการผลิตน้ำประปา และการแจกจ่ายน้ำประปา ซึ่งสามารถจะเข้ามาแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่ โดยสามารถส่งน้ำประปาที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ไปทุกพื้นที่ได้โดยอาศัยโครงข่ายน้ำประปา ซึ่งเป็นแผนการระยะยาวที่ต้องดำเนินการศึกษา และดำเนินการในอนาคตที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป.