นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงว่า แบ่งการแก้ไขเป็น 2 ระดับ คือ ระดับเร่งด่วน มีการสั่งการให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร 

โดยเบื้องต้นดำเนินการผันน้ำจากแหล่งน้ำอื่นไปให้ประชาชน ที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมถึงสั่งการให้กรมฝนหลวงนำเครื่องบินขึ้นบินทำฝนเทียมให้ประชาชนทุกพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม โดยดำเนินการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 วัน ซึ่งได้ผลร้อยละ 70-80 

ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ต้องบูรณาการจัดสรรและการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนและเกษตรกร รับฟังคำแนะนำจากภาครัฐในการใช้น้ำตามเวลาที่กำหนด และการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่

"การแก้ปัญหาระยะยาวต้องหาแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอ่าง หรือเป็นฝาย หรือเป็นเขื่อน ถ้าเราสามารถที่จะทำการขุดลอกได้ เพื่อจะเพิ่มปริมาตรน้ำในแหล่งน้ำนั้นๆ ก็ให้ดำเนินการได้ทันที แล้วก็น้ำฝนที่เราต้องเสียหายไปปีละมากๆ ต้องหาแหล่งเก็บน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นฝาย หรือเป็นแก้มลิง ให้มากที่สุด แล้วในรอบ 1 ปี เราจะมาสรุปว่าเราสามารถที่จะเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำได้เป็นจำนวนเท่าไร เพื่อสามารถจะตอบพี่น้องประชาชนได้" 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงด้วยว่า วิกฤตครั้งนี้เกิดจากสภาพอากาศ ทำให้ฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานาน 2-3 เดือน ซึ่งภาครัฐผนึกกำลังแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่โดยยึดหลักให้พี่น้องประชาชนและเกษตรกรได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการจัดตั้ง War room ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอย่างต่อเนื่องเพื่อเยียวยาช่วยเหลือเกษตรและประชาชนได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมอุดหนุนซื้อสินค้าการเกษตรเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร