บรรยากาศ "เผาศพเสี่ยเต้ย" ญาติ-เพื่อนฝูง แห่อำลา "เจ๊อ๋อ" เกาะโลงร่ำไห้ บอกได้เงิน 30 ล้าน ทำไมไม่อยู่ใช้ก่อน
25 พ.ย. 2563, 20:33
เผาแล้วเสี่ยเต้ย ญาติร่ำไห้น้ำตาท่วมวัด เจ๊อ๋อโผล่ร่วมงานส่งดวงวิญญาณอดีตสามีที่เคยถูก 90 ล้านด้วยกัน ทั้งยิ้มทั้งเศร้าปนกัน เดินเคาะโลงศพเสี่ยเต้ยอยู่คนละภพอย่าได้จองเวรกันและกันและอย่าตามฉันอีก ก่อนเผาเจ๊อ๋อร้องไห้จนฟิวขาดได้เงินแล้ว 30 ล้านทำไมไม่อยู่ใช้เงิน ส่วนพินัยกรรมหลังเสร็จงานศพบุญแจกข้าวญาติจะปรึกษากันอีกทีว่าจะเปิดตู้เซฟวันไหน
วันนี้ (25 พ.ย.63) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ตลอดทั้งวันนี้ที่บ้านเลขที่ 110 ม.4 บ.คำบอน ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของนายสมภาร สุรัญกุล อายุ 41 ปี หรือ เสี่ยเต้ย อดีตสามี น.ส.วรรณลี ปัญญาใส อายุ 48 ปี หรือ เจ๊อ๋อ 90 ล้าน เป็นไปอย่างสุดเศร้า ญาติสนิท เพื่อนๆ และคนรู้จักที่รักเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก โดยช่วงเช้า แม่ของเจ๊อ๋อและน้อง “นิวเวียร์” อายุ 5 ขวบ บุตรบุญธรรมของเสี่ยเต้ยได้เดินทางมาจุดธูปหน้าศพ โดยก่อนเคลื่อนย้ายศพไปเมรุ ญาติได้นิมนต์พระสงฆ์มาบำเพ็ญกุศลและเปิดเพลง “ใจสารภาพ” ของ “ก็อต จักรพันธ์” ซึ่งเสี่ยเต้ยชื่นชอบเพื่อให้ผู้มาร่วมงานรับฟังด้วย
ต่อมาเวลา 13.00 น. ญาติๆ ได้นำศพขึ้นรถเคลื่อนย้ายไป ณ เมรุวัดมรุวัดเทพสถิตนิมิตมงคล หรือวัดป่าบ้านคำบอน เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพในเวลา 15.00 น. ซึ่งระหว่างการนำศพ นายสมภาร เดินวนรอบเมรุ น.ส.วรรณลี ปัญญาใส อายุ 48 ปี หรือ เจ๊อ๋อ ได้เดินเข้ามาเพื่อจูงสายโยงศพ 3 รอบ ด้วยสีหน้าอาการยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะเดินไปนั่งร่วมประกอบพิธี โดย เจ๊อ๋อ ได้นำอาหารและเครื่องดื่มมาบริการให้กับแขกผู้มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง จากนั้นเจ๊อ๋อได้เดินไปเคาะโลงศพเสี่ยเต้ย 3 ครั้ง และบอกว่า เต้ย ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ฉันทำมาให้แก่เธอผู้เดียว ฉันรักเธอนะ ขอให้ดวงวิญญาณของเธอไปอย่างสงบ ฉันไม่อยากจองเวรจองกรรมต่อกัน เราจบกันแล้ว ชีวิตของเราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ขอให้ชีวิตของเธอเจอภพภูมิที่ดี เกิดชาติหน้าขอให้เธอแต่สิ่งที่สวยงาม ฉันอโหสิกรรมให้เธอ เธอก็อโหสิกรรมให้ฉันด้วย
ต่อมา น.ส.วรรณลี ปัญญาใส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเต้ยตายเขาก็พูดว่าหากตายไปก็จะตามไปตลอด ซึ่งตอนนี้เขาก็อยู่ข้างๆ สำหรับเรื่องมรดกของเต้ยขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย หากพินัยกรรมของเต้ยไม่ได้ระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกบุญธรรม ก็ไม่เป็นไรเพราะพี่ก็มีของพี่ที่สามารถดูแลได้ ส่วนตนเองคงไม่ไปร่วมรับฟังด้วย แต่จะส่งทนายความไป
จากนั้นญาติ ๆ ได้ทำการอ่านประวัติผู้ตาย และถวายผ้าบังสุกุลและเตรียมรดน้ำศพ ก่อนจะรดน้ำหน้าศพจะนำขึ้นเมรุ อาจารย์นิค ลายเสือ ได้ร้องเพลง “สุดทางปีกฝัน” มอบให้แก่เต้ย 1 เพลง โดยเต้ยกำลังเตรียมจะร้องเพลงออกอัลบั้มแต่ต้องมาจบชีวิตกะทันหันเสียก่อน
ก่อนนำศพขึ้นเมรุ ญาติได้เปิดโลงศพให้เห็นหน้าผู้วายชนม์เป็นครั้งสุดท้ายและรดน้ำมะพร้าวหน้าศพปรากฏว่าเจ๊อ๋อขอเดินมาดูหน้าศพอดีตสามีเป็นครั้งสุดท้ายด้วย พร้อมกล่าวต่อหน้าศพเสี่ยเต้ยว่า เลิกตามฉันได้แล้ว ฉันรักเธอทุกความรักเธอเหมือนเดิมแต่ว่าเราไปกันไม่ได้ เราต้องจบฉันรักเธอเหมือนเดิม เลิกตามฉันไม่ต้องตามแล้วฉันจะดูแลลูกให้ดีที่สุดหลับให้สบายนะที่รัก เธอไปอยู่ของเธอแล้วฉันรักเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง เราอาจจะทำบุญมาด้วยกันแค่นี้นะเต้ย ทำไมอะไรที่เธอต้องการฉันให้เธอได้หมด ทำไมเธอไปจากฉัน ทำไมถึงไม่อยู่ฉันสามารถเอาสวรรค์มาให้เธอได้ทำไมเธอไปล่ะ “ทำไมเธอไปก่อนฉัน” เราเคยพูดกันว่าฉันจะไปก่อนเธอใช่ไหม เพราะฉันอายุมากกว่าเธอ แต่ทำไมเธอไปก่อนฉันล่ะฉันขอให้เธอไปสู่สุคตินะเต้ย ฉันรักเธอเหมือนเดิมโชคดีนะเต้ย เราจะไม่เจอกันอีกแล้วเราไม่เจอกันที่ร้านข้าวต้มอีกแล้ว
ญาติๆ เห็น เจ๊อ๋อ ร้องไม่หยุดจึงรีบนำออกจากโลงศพและรีบพากลับก่อน ระหว่างจูงแขนเจ๊อ๋อเดินทางกลับนั้น เจ๊อ๋อได้เกิดอาการร้องไห้หนักจนฟิวขาด ร้องระบายต่อว่าหน้าเมรุที่ญาติๆ กำลังเตรียมฌาปนกิจเสี่ยเต้ย ว่า ขอพูดหน่อยได้ไหม คนใจดำ อยากได้เงินก็ให้ 30 ล้าน แล้วทำไมไม่อยู่ใช้เงิน อยากจะได้อะไรเมียจัดให้หมด เมียทำให้หมดทุกอย่างเพราะรัก อยากให้วัดเป็นวัดใหม่ก็ทำให้ ก่อนคนใกล้ชิดเจ๊อ๋อจะรีบพากลับก่อน ท่ามกลางความตกตะลึงของผุ้ร่วมงานจำนวนมาก จากนั้นญาติๆ ได้นำศพเสี่ยเต้ยขึ้นเมรุเผา โดยของชำร่วยที่แจกในวันนี้เป็นไฟแช็ค อย่างไรก็ตามเรื่องการเปิดพินัยกรรมเสี่ยเต้นนั้นญาติระบุกับผู้สื่อข่าวว่า คงจะเปิดหลังเก็บกระดูก ทำบุญแจกข้าวให้เสร็จก่อน และยังไม่รู้ว่าวันไหนจะเปิดตู้เซฟ