ชาวบ้านโร่กักตัวนายทุนซื้อ "เหล็กไหลเก๊" มูลค่านับร้อยล้าน!
13 ก.ค. 2562, 14:34
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 202 หมู่ 1 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งมี นายบรรดิษฐ์ ชอบชื่น อายุ 57 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ได้มีเจ้าของเหล็กไหล (แร่ธาตุกายสิทธิ์) ประมาณ 10 คน จากในพื้นที่ จ.ตรัง จ.นครศรีธรรมราช จ.สุราษฎร์ธานี จ.พัทลุง ร่วมกันกักตัว นายบุญญฤทธิ์ ประทุมคำ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ด๊อกเตอร์บุญญฤทธิ์ หรือชื่อเดิม นายบุญเรือง ประทุมคำ หรือด๊อกเตอร์บุญเรือง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157 ซอยเวฬุวราราม แขวง/เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ หลังอ้างตัวว่าเป็นนายทุนใหญ่ร่ำรวยหลายร้อยล้าน และเป็นนายหน้าซื้อขายเหล็กไหลทั่วประเทศ โดยได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อทดสอบอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล
โดยล่าสุดนายทุนรายนี้ได้เดินทางมาทดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหล 5 องค์ มูลค่าการซื้อขายเป็นเงิน 389 ล้านบาท พร้อมเซ็นต์เช็คเงินสดล่วงหน้าเตรียมโอนจริงวันทดสอบสำเร็จเป็นเงิน 5 ล้านบาท แต่ก่อนทดสอบมีหลักปฏิบัติในวงการว่า ต้องทำหลักฐานเอกสารสัญญา M.O.U หรือหนังสือสัญญาซื้อขาย โดย นายศิรพงศ์ ครุฑธิราช ซึ่งเป็นเจ้าของเหล็กไหลชาวตรัง ในฐานะผู้ขาย กับ นายบุญญฤทธิ์ นายทุน ในฐานะผู้ซื้อ ซึ่งทำในนามบริษัท SOCOS TRADE GROUP CO.,LTD & TISCO BANK THAILAND และหนังสือสัญญาการทดสอบเหล็กไหล ที่ทำขึ้นระหว่าง นายศิรพงศ์ ครุฑธิราช ในฐานะผู้ขาย กับ นายบุญญฤทธิ์ นายทุน ในฐานะผู้ซื้อ ซึ่งเป็นเงินเปิดสัญญาโอนเข้าธนาคารชื่อ นายบุญญฤทธิ์ เป็นเงิน 110,000 บาท ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติในวงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก เพราะต้องเดินทางมาทดลองเหล็กไหล ในพื้นที่ จ.ตรัง เป็นเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 8-12กรกฎาคม 2562
ทั้งนี้ ในสัญญาระบุการทดสอบที่ผ่านเกณฑ์คือ จะต้องได้ไม้ขีดไฟที่จุดไม่ติดจำนวน 11 ก้าน ในระยะ 5 วันดังกล่าว ซึ่งหากจุดไม่ติดครบตามจำนวนที่ตกลงกันแล้ว จะต้องหยุดการทดลองทันที และต้องไปธนาคารทันทีเพื่อโอนเงินให้เจ้าของเหล็กไหล ให้แล้วเสร็จภายใน 5 ชม. เป็นเงินก้อนแรก 5 ล้านบาท ตามเอกสารเช็คเงินสดที่ นายบุญญฤทธิ์ นายทุน ได้สั่งจ่ายล่วงหน้าไว้ แต่ขณะทำการทดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหลวันสุดท้าย ขาดไม้ขีดเพียง 3 ก้าน นายทุนซึ่งเป็นคนนำไม้ขีดไฟมาเอง จุดติดไฟทุกก้าน ทำให้เจ้าของเหล็กไหลซึ่งเชื่อว่า เหล็กไหลของพวกตนเป็นของแท้แน่นอน และคิดว่าพวกตนถูกหลอกจากนายทุนรายนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น จึงนำตัว นายบุญญฤทธิ์ ไปซื้อไม้ขีดไฟจากร้านสะดวกซื้อมาทดลองร่วมกัน ปรากฎว่า ไม้ขีดไฟจุดแล้วไม่ติดไฟจริง จึงครบ 11 ก้าน ตามหนังสือสัญญา แต่นายทุนคงดังกล่าวกลับไม่ยอมไปโอนเงิน 5 ล้านบาทที่ธนาคาร และยังทำลายหลักฐานไม้ขีดไฟที่จุดไม่ติดนำแช่น้ำ และขอเพิ่มไม้ขีดอีก 2 ก้าน ทำให้เจ้าของเหล็กไหลเชื่อว่า นายบุญญฤทธิ์ เป็นนักต้มตุ๋น จึงกักตัวนายทุนรายนี้ไว้ และโทรเรียกเจ้าทุกข์คนอื่นๆ รวมทั้งโทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจนำตัวไปดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงต้มตุ๋นที่ สภ.วังวิเศษ
แต่อย่างไรก็ตาม ด้านตำรวจ สภ.วังวิเศษ เสียงแตก บางนายระบุว่าเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงต้มตุ๋น เพราะมีเอกสารหนังสือสัญญา หลักฐานการโอนเงิน ขณะที่บางนายบอกไม่เข้าข่าย สุดท้ายจึงทำได้เพียงลงบันทึกประจำวั นและเจรจาไกล่เกลี่ยยอมจ่ายเงินที่รับได้รับโอนไปคืน รวมค่าเสียเวลา 300,000 บาท แต่ตำรวจไม่ยอมที่จะดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงต้มตุ๋นกับนายทุนรายนี้ โดยเบื้องต้นนายทุนรายนี้ได้นำทองไปจำนำจ่ายให้ก่อน 100,000 บาท ส่วนที่เหลือนัดจ่ายวันจันทร์หน้า
นายวิทยา วิชัยดิษฐ์ ชาว อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า พวกตนเชื่อว่านายทุนคนนี้หลอกลวงมานานแล้ว แต่ยังจับไม่ได้ มาครั้งนี้จับได้ ที่ผ่านมาต้มตุ๋นหลอกเงินนักนิยมเหล็กไหลมาทั่วประเทศ เชื่อว่าได้เงินไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทแล้ว เพราะเจ้าของเหล็กไหลแต่ละรายที่นัดนายทุนรายนี้มาซื้อ แต่ก่อนซื้อจะต้องทดสอบก่อน และเจ้าของเหล็กไหล หรือกลุ่มเจ้าของเหล็กไหลที่ต้องการจะขาย ก็ต้องโอนเงินเข้าบัญชีให้นายทุนก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทดสอบ เป็นเงินครั้งละ 30,000-50,000 บาท หรือ 100,000-300,000 บาท แล้วแต่จำนวนเหล็กไหล และมูลค่าเหล็กไหลที่จะรวมกลุ่มกันมาทดสอบ เพื่อต้องการขาย ที่ผ่านมาจับไม่ได้ เพราะไม่ขีดไฟจุดติดไม่เคยครบตามจำนวนที่ตกลง นายทุนรายนี้ก็จะได้เงินไปเปล่าๆ
ส่วน นายศิรพงศ์ ครุฑธิราช เจ้าของเหล็กไหลชาว อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ตนเองทำสัญญามัดจำซื้อขายเหล็กไหลกับนายทุนรายนี้มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรก 4 หมื่นบาท ครั้งที่สอง 3 หมื่นบาท และครั้งที่สาม 1.1 แสนบาท แต่หลังจากมีการทดสอบล่าสุดเชื่อว่าจะไม่เป็นความจริง หลังจากได้ไปซื้อไม้ขีดไฟมาใช้ในการทดสอบเอง ความจึงได้แตก โดยล่าสุดมีเจ้าทุกข์จากกรณีนี้รวมเป็นเงิน 389 ล้านบาท จากการนำเหล็กไหลมาทำการทดสอบ 5 องค์ แต่ที่ผิดสังเกตุคือ แม้ทุกครั้งนายทุนรายนี้จะโอนเงินมาให้แล้ว แต่พวกตนกลับไม่สามารถไปเบิกถอนออกมาได้เลยสักราย
ด้าน นายสมเชาว์ ผ่องแผ้ว อายุ 43 ปี ชาว อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเองได้รวมกลุ่มพรรคพวกจากจังหวัดต่างๆ อาทิ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นครปฐม เชียงราย เชียงใหม่ เพื่อมาซื้อขายเหล็กไหลกับนายทุนรายนี้ รวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท โดยบอกพวกตนว่าจะให้ค่าตอบแทนสูงถึง3,500 ล้านบาท โดยจะต้องจ่ายเงินให้ 1 - 3 แสนบาท ต่อการทำสัญญา 1 ครั้ง เพื่อแลกกับเงินก้อนนี้ และมิใช่เพียงแค่นายทุนรายนี้คนเดียวที่ทำแบบนี้ แต่ยังมีกระบวนการซื้อขายเหล็กไหลอีกหลายราย จนตนเองต้องสูญเงินไปแล้วนับ 10 ล้านบาท กับนายทุนคนนี้และพวกเดียวกัน เพราะไม่เคยทดสอบผ่าน แต่จะขาดไม้ขีดเพียงก้านหรือ 2ก้านเท่านั้น ก็น่าเชื่อถือมาก เพราะเหล็กไหลของแท้ราคาสูงมาก เป็นที่ต้องการ บางรายมีการเขียนเช็คไว้ให้สูงงถึง 60ล้านบาท แต่สุดท้ายทดสอบไม่ผ่าน
ขณะที่ นายบุญญฤทธิ์ ประทุมคำ หรือในวงการเรียกว่า ด๊อกเตอร์บุญญฤทธิ์ นายทุนรายนี้ กล่าวว่า เงินที่ตนนำมาซื้อเหล็กไหลนับร้อยล้านบาทเหล่านี้ มาจากนายทุนที่ต่างประเทศ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยตนได้ทำอาชีพนี้มานานแล้วนับ 20 ปี ในนามส่วนตัวไม่ใช่บริษัท แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วทำไมเอกสารสัญญาระบุชื่อบริษัท นายบุญญฤทธิ์กล่าวว่า ก็เล็กๆน้อย อยู่ในวงการมา 20 ปี เคยทำแล้วซื้อขายจริง โดยหากทำสำเร็จตนก็จะได้ค่าเปอร์เซ็นต์ตอบแทน ส่วนเงินที่ชาวบ้านสัญญามัดจำไว้ เป็นค่าธรรมเนียม ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการทดสอบ หรือค่าดำเนินการจนหมด ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นการหลอกลวง ก็แล้วแต่มุมมองกัน ซึ่งบางครั้งตนจำเป็นต้องทำการทดสอบหลายๆ ครั้งเพื่อความแน่ใจ บางทีครั้งแรกๆ อาจจะทดสอบผ่าน แต่ครั้งหลังๆ กลับทดสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ ส่วนครั้งล่าสุดนี้ตนมองว่าการทดสอบยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องยกเลิกการซื้อขาย