สลด ! "สาววัย 49 ปี" ตัดสินใจจุดไฟเผาตัวเองในรถเสียชีวิต กล้องวงจรปิดจับพฤติกรรมชัด
13 ก.ค. 2563, 09:08
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ 13 กรกฎาคม 2563 ร.ต.อ.สุชาติ จำนงบุญ รอง สว ( สอบสวน) สภ. บางปะอินสาขาย่อยสินทิวา ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตภายในรถสาเหตุรมควันตัวเอง เกิดเหตุในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บนถนนโรจนะ พื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกรด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง โตโยต้า vios สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กย 8434 พระนครศรีอยุธยา ภายในเบาะหน้าซ้ายที่นั่งข้างคนขับ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ตรวจสอบพบใบขับขี่ภายในรถระบุ ชื่อ น.ส. ฐิตาภา แซ่แต้ 49 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร สภาพศพอยู่ในท่าปรับเบาะเอนนอน และยังพบร่องรอยการจุดไฟเผาเบาะหลังรถยนต์จนเกิดไฟไหม้ และด้านหลังรถยังพบถ่านหุงต้ม 1 ถุง แกะใช้งานไปบางส่วน คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบทราบจากคนในชุมชนว่า ผู้เสียชีวิตได้มาเช่าบ้านพักอาศัย อยู่ภายในหมู่บ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุกับลูกสาว แต่ไม่พบว่าใครอยู่บ้าน จนมาพบจอดรถจุดดังกล่าวและมาก่อเหตุสลดขึ้น
ด้านนายกฤตภัค บุญศิลป์ อายุ 24 ปี รปภ. ที่มาจุดเกิดเหตุคนแรก เล่าว่า มีประชาชนขับรถจักรยานยนต์ผ่าน รถคันที่เกิดเหตุบอกมีแสงเพลิงขึ้นภายในรถ จึงได้รีบไปตรวจสอบ พบแสงเพลิงรุกไหม้อยู่ภายในรถ จึงได้ตัดสินใจวิ่งไปหยิบถังดับเพลิงพร้อมตะโกนถาม คนในละแวะว่ารถใคร แต่ด้วยความที่เห็นเปลวเพลิงรุกไหม้ขึ้นมาอีกภายในรถ จึงตัดสินใจทุบกระจกและนำถังเคมีฉีด ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ในรถ พอเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ มาถึงก็ได้ตรวจสอบพบว่ามีคนนอนอยู่ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ จึงได้ประสานทีมแพทย์กู้ชีพโรงพยาบาลบางปะอิน มาตรวจสอบก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เห็นรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวขับมาจอดอยู่ตรงบริเวณจุดเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณช่วงเวลา 03.00 น.จากนั้นผู้เสียชีวิตก็ได้ย้ายจากเบาะนั่งคนขับมาที่เบาะซ้าย เห็นเพียงเงารางๆเปิดแสงไฟในตัวรถ และแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็ไม่เห็นออกมาจากรถอีกเลย ก่อนพบแสงเพลิงรุกไหม้ที่เบาะหลัง ก่อนที่พลเมืองดีจะไปแจ้งให้ รปภ.ทราบและออกมาช่วยกันดับเพลิงที่รุกไหม้ เวลาก็ผ่านมาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีลูกสาว 1 คน จะติดตามตัวมาสอบถามถึงสาเหตุของการก่อเหตุดังกล่าวและให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป