ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมสุนีย์แกรนด์ อ.เมืองอุบลราชธานี นายพีระพล บุญชิณวงศ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน และนักกฏหมายของสมาคมประชุมหารือกับผู้ประกอบการรถบรรทุก ขนส่ง 3 จังหวัดอีสานใต้  คือ จังหวัดอำนาจเจริญ  ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี  เพื่อทำความเข้าใจกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 12 พ.ศ.2562  ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายน 2562 และมีสาระสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ทำหน้าที่ควบคุมรถ  (โชเฟอร์)  และผู้ประกอบการรถยนต์ขนส่งและรถยนต์โดยสาร

 

โดยเมื่อกฎหมายฉบับนี้   มีผลบังคับใช้  จะทำให้เจ้าหน้าที่กรมขนส่งทางบกที่เชื่อมต่อกับระบบ  GPS  ของรถยนต์ผู้ประกอบการทุกคัน  สามารถออกใบสั่งแก่ผู้ทำหน้าที่ขับขี่  เมื่อมีการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหมายกำหนด  คือ  90  กิโลเมตรต่อชั่วโมง  โดยจะต้องเสียค่าปรับ  ครั้งละ 1,000 บาท หากไม่ชำระในทันที อาจถูกเพิ่มค่าปรับเพิ่มขึ้นไปได้ ถึง  5,000 บาท  จึงสร้างภาระให้กับผู้ควบคุมรถและผู้ประกอบการรถยนต์ขนส่ง  และรถยนต์โดยสารเป็นอย่างมาก  เนื่องจากในทางปฏิบัติ  ทำให้ผู้ทำหน้าที่ขับขี่เสียสมาธิในการควบคุมรถ  เพราะต้องคอยดูเข็มวัดความเร็วหน้าปัดรถอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวจะต้องเสียค่าปรับ

 

และหากได้ผู้ประกอบการที่ใจกว้างช่วยออกค่าปรับให้เป็นบางครั้ง  ผู้ขับขี่ก็พอเหลือรายได้ใช้เลี้ยงครอบครัว  แต่หากต้องจ่ายเองทุกครั้งที่ถูกปรับ  ผู้ขับขี่ก็แทบไม่มีเงินใช้เลี้ยงครอบครัว  ทำให้ทุกวันนี้  ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ก็ใช้ความเร็วรถไม่เกินกว่าที่กฏหมายกำหนดเท่าไหร่

 

แต่ทั้งนี้  การขับขี่ก็ต้องดูจากสภาพแวดล้อมของถนน  สภาพการจราจรในแต่ละช่วง  และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร  รวมทั้งชีวิตของผู้ขับขี่เองอยู่แล้วด้วย

 

ซึ่งปัจจุบันก็มีการตั้งด่านตรวจจับความเร็วตามท้องถนนทั้งของเจ้าหน้าที่ขนส่ง  ตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธร  และกล้องตรวจจับการใช้ความเร็วตามถนนทุกสายอยู่แล้ว   จึงไม่ควรใช้วิธีตรวจจับความเร็ว  ผ่านระบบ GPS เพราะเท่ากับกรมการขนส่ง  ต้องการเพิ่มรายได้  แต่กลับมาสร้างภาระให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ขนส่งและรถยนต์โดยสาร  รวมไปถึงผู้ประกอบการ