จากกรณีโลกโซเชียลแชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ของตนที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ต้องเจอปัญหากับด่านเคอร์ฟิว โดยวันแรก พยาบาลออกเวรเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ รวมทำงาน 16 ชั่วโมง แล้วมาเจอด่านก่อนยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อ่าน แถมถามข้อมูลยาวเหยียดไม่ว่าจะเป็น ทำงานโรงพยาบาลอะไร, ทำกี่โมงถึงกี่โมง, หน่วยงานไหน จนกระทั่งผ่านด่านได้

              แต่วันต่อมาเป็นเรื่องของพยาบาลอีกหนึ่งคน ลงเวรมาตอนตี 1 ก็เจอด่านเคอร์ฟิวจึงยื่นบัตรให้ดูตามปกติ แต่ก็เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจถามยาวเหยียดเช่นกัน แถมถามหาใบบันทึกข้อความยืนยัน ทั้งที่ไม่เคยมีใครแจ้งว่าต้องใช้เอกสารดังกล่าว มีแต่ให้พกบัตรเจ้าหน้าที่ไว้ จึงต้องโทร. ให้หน่วยงานพิมพ์บันทึกข้อความให้จึงผ่านด่านได้ กว่าจะได้ออกก็เป็นเวลาตี 2

             และกรณีสุดท้ายเป็นเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 9 เมษายน 2563 พยาบาลเจอด่านที่เคยเจอประจำจึงยื่นบันทึกข้อความและบัตรเจ้าหน้าที่ให้ด้วยใจคิดว่าต้องผ่านด่านแน่นอน แต่เรื่องราวไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญให้ลงรถไปสแกนบัตรประชาชน จึงระบายความในใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า "เลิกงานมา 16 ชั่วโมง ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก เอกสารก็มีให้แล้วต้องมานั่งรอ แถมต้องตื่นมาทำงาน 8 โมงเช้า มีเวลานอนแค่ 4-5 ชั่วโมง"

              งานนี้สิ่งที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคือประโยคที่ว่า "เอ...พยาบาลเป็นบุคลากรทางการแพทย์หรือเปล่านะ"

ความคืบหน้าล่าสุดเรื่องนี้ พล.ต.ท.ปิยะ เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวได้มีการตรวจสอบ และทราบว่าเป็นพื้นที่ของ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งทาง พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวแบ่งเป็น 3 เหตุการณ์ กรณีแรกเป็นการเข้าออกเวรปกติและใส่เสื้อคลุม, มีการตรวจสอบแต่ผู้กำกับยืนยันอยู่ในเหตุการณ์และมีการขอตรวจสอบเอกสารจากพยาบาลคนดังกล่าวเพื่อแสดงตัวแต่เนื่องจากเป็นวันแรกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอเอกสารยืนยันจากต้นสังกัด และครั้งที่สามไม่ได้แต่งชุดพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจผ่านแอพพลิเคชั่นบัตรประชาชนโดยใช้เวลาแค่ 1 นาที และหลังเกิดเหตุ ทาง พ.ต.อ.อำนาจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจและขอโทษพยาบาลคนดังกล่าวว่าเป็นความคลาดเคลื่อน พร้อมยืนยันว่าบุคคลากรทางการแพทย์จะได้รับการยกเว้น โดยไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบแค่แสดงหนังสือรับรอง พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งกำชับไปยังด่านตรวจทั่วประเทศเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในแนวเดียวกัน