พิพากษาจำคุก อดีตกรรมการบริษัทฯ นมชื่อดัง 1 ปี ไม่รอลงอาญา หลังรุกที่กว่า 1 ไร่ สร้างบ้านพักตากอากาศหรู บนหน้าผา เขต อช.เอราวัณ
20 มี.ค. 2563, 08:05
วันที่ 19 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. นายจตุพร บุรษพัฒน์ ปลัดทส. นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอส. ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนายทุนบุกรุก ยึดถือ ครอบครองป่า ให้ดำเนินคดีอาญา และคดีเเพ่ง จนถึงที่สุด
ต่อมาวันที่ 28 ก.พ.63 ที่ผ่านมาตนได้สั่งการให้ นายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย ชุดพญาเสือ และคณะเจ้าหน้าที่ จำนวน 20 นาย นำประกาศคำสั่งรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างฯ ไปติดตั้งบริเวณด้านหน้าบ้านพักตากอากาศหรูบนยอดเขา เลขที่ 59/1 หมู่ 3 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ของนายโชคชัย ศุภวานิช อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทนมชื่อดัง ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ที่สร้างอยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 58 ตารางวา โดยให้รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินหรือสิ่งอื่นใดไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ภายใน 30 วัน นับแต่วันติดประกาศรื้อถอนนี้
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ตาม ปจว.ข้อที่ 5 คดีอาญาที่ 105/2557 ยึดทรัพย์ที่ 65/2557 ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งฟ้องคดีอาญาต่อนายโชคชัย ศุภวานิส ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.2501/2562
สำหรับคดีปกครอง ศาลปกครองกลาง ได้คำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ ส.4/2558 คดีหมายเลขแดงที่ ส.65 / 2561 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 โดยยกฟ้องคำฟ้องของนายโชคชัย ศุภวานิช ที่ฟ้องอุทยานแห่งชาติเอราวัณ และให้ดำเนินการรื้อถอนบ้านพักตากอากาศได้ นายโชคชัย ศุภวานิช ไม่ได้มีการอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางดังกล่าว ถือว่าคดีนี้เป็นอันถึงที่สุด
เมื่อครบกำหนดเวลาตามประกาศคำสั่งแล้ว หากยังดื้อเพ่งไม่รื้อถอน จะถูกดำเนินคดีฐาน ฝ่าฝืนประกาศคำสั่งนี้ ระวังโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะได้มีการรื้อถอนเสร็จ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้กับทางราชการ จำนวน 401,607บาท และ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอัตราร้อยละ 25 ต่อ ปี ขณะเดียวกันสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณา มีความเห็นสั่งฟ้องในคดีอาญา โดยศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 3 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.63 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีหมายเลขดำที่ อ2501/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อ 625/2563 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี (โจทก์) นายโชคชัย ศุภวานิช (จำเลย)
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาออกมาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54,72 ตรี วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 (เดิม)มาตรา 16 (1),24 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อต้นเอง ซึ่งเป็นบทกฎหมายทีมีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 ปี และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกไปจากเขตป่า ภายในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ซึ่งศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยเห็นว่า จำเลยปลูกสร้างบ้านพักขนาดใหญ่ จำนวน 3 หลังติดกัน บนเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 58 ตารางวา มีลักษณะถาวรมั่นคง ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุอยู่เหนือริมเขื่อนศรีนครินทร์บริเวณริมหน้าผาสูงชัน อันเป็นต้นน้ำสำคัญของประเทศชาติ ย่อมทำให้ความโดดเด่นสวยงามทางธรรมชาติ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณต้องเสื่อมสภาพลง พฤติการณ์ของจำเลยนับว่าไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงเป็นเรื่องร้ายแรง คดีจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษแก่จำเลย แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้จำเลยได้ทำการอุทธรณ์ เพื่อต่อสู่คดีต่อไป
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยต่อว่า จากการรายงานของอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้ส่งเอกสารและหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีทางเเพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 30 ล้านบาท กับนายทวี หลงสกุล หรือบังตุ๊ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่ที่ 6 ตำบลช่องสะเดา อำเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของแค้มป์ช้างทวีชัย ที่มีการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดิน มีการบริการนำเที่ยวช้าง ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดพื้นที่จำนวนรวม 453 ไร่ 81 ตารางวา และสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน ส่งดำเนินคดี ที่ สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 19 เมษายน 2560 ต่อมาอัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีหนังสือที่ อส.0042(กจ)/7719 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2562 เรื่อง แจ้งคำสั่งไม่ฟ้อง นายทวี หลงสกุล
เนื่องจาก ผู้ต้องหาเชื่อโดยสุจริตว่า ได้มาและครอบครองที่ดินโดยสุจริตโดยไม่ทราบมาก่อนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นป่า พยานหลักฐานจึงไม่พอฟ้อง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เห็นว่า แม้อัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องในเรื่องคดีอาญา แต่ก็สามารถฟ้องคดีเเพ่งเรียกค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวได้ภายในอายุความ 10 ปี นับแต่วันพบการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ตามแนวทางคำพิพากษาฎีกาที่ 275/2561 ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เคยฟ้องผู้กว้างขวางรายหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาอัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีอาญา แต่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีเพ่งให้จำเลย ชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นจำนวนเงินถึง 24 ล้านบาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และจำเลย ได้ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งวันนี้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้ทำหนังสือด่วนที่ ทส. 0913.11/03062 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2563 ถึง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ฟ้องคดีเเพ่งค่าเสียหายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 30 ล้าน กับนายทวี หลงสกุล ต่อไป