"ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์" แจงเหตุผีน้อยแออัดเพราะมาแบบฉุกเฉิน เผยเป็นเพียงจุดคัดกรอง ก่อนส่งไปบ้านเกิด
10 มี.ค. 2563, 15:16
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2563 จากกรณีที่ประชาชนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และแรงงานไทยในเกาหลีใต้ ที่ผิดกฎหมายของเกาหลี (ผีน้อย) กลับมาเมืองไทย เพราะกลัวติดเชื้อที่กำลังระบาดในประเทศเกาหลีใต้ ได้กลับมาถึงเมืองไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา แล้ว หลังเข้าพักที่กักตัวได้โพสต์ภาพที่อยู่ พร้อมระบุข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ด่วนไม่มีความพร้อม เรื่องกักตัวคนไทยจากประเทศเสี่ยง คุณภาพที่พักโดยรวมแย่มาก ฯลฯ จนโลกออนไลน์ต่างออกมาวิจารณ์กันอย่างหนัก
ล่าสุดนายธัชกร หัตถาธยา ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ตามที่มีการแชร์ภาพและข้อความว่า ถูกกักตัวดูอาการโรคโควิด-19 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ในโซเชียลนั้น ข้อเท็จจริงคือ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นจุดคัดกรอง (เฉพาะกิจ) เพื่อลดความแออัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงและดำเนินการคัดกรอง ก่อนจะส่งต่อไปกักตัวยังจังหวัดตามภูมิลำเนาเดิม ส่วนการดูแลอยู่ในสถานที่เอกชนรั้วรอบขอบชิด มีเจ้าหน้าที่ดูแลอาหารการกิน, การรักษาความสะอาด, ความปลอดภัย และตลอดทั้งบุคลากรทางการแพทย์ตรวจสุขภาพอย่างใกล้ชิด
ในส่วนที่ว่าสถานที่แอดอัด เนื่องจากทางจังหวัดได้รับรายงานอย่างฉุกเฉินว่า ประชาชนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด 186 คน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ทั่วประเทศ จะต้องเดินทางมาที่บุรีรัมย์ทั้งหมด เพื่อรอการคัดแยกส่งต่อไปยังภูมิลำเนาเกิดแต่ละจังหวัด ทางจังหวัดมีเวลาเตรียมการไม่ถึงวัน จึงจำเป็นต้องใช้เต้นมากางเป็นที่นอนแก้ไขปัญหาเบื้องต้นก่อน ซึ่งตอนนี้กำลังคัดกรองก่อนทำการขนส่งแรงงานไปบ้านเกิดแต่ละจังหวัด ซึ่งแต่ละจังหวัดได้เตรียมสถานที่ไว้แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มส่งแรงงานได้ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามในนามตัวแทนจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องขอโทษประชาชนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้รับความสะดวกในคืนแรก เพราะเป็นกรณีฉุกเฉิน หลังจากนี้จะดูแลแรงงานให้อย่างดี โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ทางจังหวัดได้เตรียมเมนูไว้พร้อมแล้ว และได้เข้าไปทำความเข้าใจกับแรงงานทั้งหมดแล้ว
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยัน ยังไม่พบประชาชนในจังหวัดติดเชื้อแม้แต่คนเดียว ทั้งยังให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน คุมเข้มในการตรวจสอบบุคคลกลุ่มเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา