จากกรณีผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี พบเห็น  นายจำเริญ สุภะตะ อายุ 36 ปี ชาวชลบุรี และนางแถว​ สีทอง อายุ 53 ปี ชาวกาฬสินธุ์ เป็นสามีภรรยากัน  กำลังเดินตามถนนกลางแดดร้อน จึงเข้าจอดรถสอบถามจนทราบว่าเดินเท้าเป็นเวลา 4 วัน จากโคราช ไปชลบุรี หลังถูกนายจ้างเบี้ยวค่าแรง  ระหว่างทางไม่มีรถจอดถาม ประทังชีวิตกินแค่มะขามริมทาง กับยอดกระถิน  นักข่าวได้อาสาส่ง 2 สามีภรรยาคู่นี้ที่ท่ารถ พร้อมให้เงิน 

 

ล่าสุด   อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า แม่บ้านประจำ บขส.ชลบุรี เผยว่า นางแถวมานั่งที่ บขส. และบอกว่า นายจำเริญพานางแถวมาที่ป้อมตำรวจ บอกให้นางแถวเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ขอแยกทาง แต่นางแถวไม่ยอม บอกว่าไม่ได้แล้ว กูมาอยู่กับมึง แต่นายจำเริญก็ตอบกลับว่า ให้นางแถวไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะนายจำเริญมีเมียอยู่แล้ว จนเมื่อนางแถวไปเข้าห้องน้ำ นายจำเริญอาศัยทีเผลอก็หนีไปเลย นางแถวไปหาตำรวจ ตำรวจก็บอกให้นางแถวไปขนส่ง พอมาถึงนางแถวก็นั่งร้องไห้ใน บขส. ก่อนหน้านี้ นางแถวเป็นลูกจ้างร้านดอกไม้ ส่วนนายจำเริญเป็นช่างไฟ มาเจอกันคบหาได้ 1 เดือน จากนั้นนายจำเริญก็ชวนนางแถวมาหางานทำแถวชลบุรี จนเจอนักข่าวก็กุเรื่องโดนนายจ้างโกงเงิน นางแถวก็เออออห่อหมกไปด้วย นักข่าวจึงให้เงินช่วยเหลือไป

 

  ด้านแม่ของนายจำเริญ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายจำเริญเคยมีภรรยามาแล้วจริง แต่ภรรยาตายแล้ว แล้วมาคบกับนางแถว เมื่อวานนี้นายจำเริญมาหาตน บอกว่านั่งรถมา มาถึงก็บอกว่าหิวข้าว ตนก็ให้นายจำเริญยืมรถออกไปหาซื้อข้าวกิน จนกระทั่งตนมารู้จากเพื่อนบ้านว่านายจำเริญมีเมียแล้ว ตนจึงถามนายจำเริญว่าทำไมไม่พาเมียมาด้วย นายจำเริญบอกว่า กลัวแม่ด่า ซึ่งแท้ที่จริงแล้วนายจำเริญทิ้งเมียไปแล้วที่ บขส. ส่วนเรื่องที่นายจำเริญกุเรื่องเดินเท้านั้น อาจจะเพราะเขาไม่มีเงินก็เป็นได้