เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



พ่อดาราหนุ่มใจสลาย! เผาศพลูกชายบทเรียนราคาแพง ฝากเตือนครอบครัวอื่น


4 ก.พ. 2563, 14:44



พ่อดาราหนุ่มใจสลาย! เผาศพลูกชายบทเรียนราคาแพง ฝากเตือนครอบครัวอื่น




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 มกราคม 2563 จากบ้านของนายธนภัทร หรือ กอล์ฟ พริ้งตระกูล นักแสดงหนุ่ม อายุ 24 ปี นักแสดงนำภาพยนตร์ เรื่อง “Timeline เพราะรักไม่สิ้นสุด” ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งทางครอบครัวได้จัดงานบำเพ็ญกุศล ตั้งแต่คืนวันที่ 31 ม.ค. 63 ก่อนมีพิธีฌาปนกิจ ไปเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา

โดยในวันนี้ทางบ้านได้ทำการเก็บข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อนำสิ่งของต่างๆ ส่งคืนวัด สำหรับบรรยากาศมีเพียงญาติๆ กำลังทยอยเก็บสิ่งของ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับนายวัลลภ พริ้งตระกูล อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 หมู่ 1 ต.ทุ่งน้อย อ.เมืองนครปฐม ซึ่งเป็นพ่อของ กอล์ฟ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า พร้อมเผยถึงช่วงก่อนที่ลูกชายจะต้องเข้าทำการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม

 



นายวัลลภ เผยว่า ก่อนที่น้องกอล์ฟจะเสียชีวิต ร่างกายเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีอาการป่วย เพราะปกติแล้ว น้องกอล์ฟจะเป็นคนชอบออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสเป็นประจำ แข็งแรงทุกอย่าง และเดินทางไปทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา น้องกอล์ฟไปทำงานที่ร้านขายไอศกรีม ปรากฏว่าช่วยกันยกของเก็บและยกถังไอศกรีม แล้วพลาดขากระแทกเข้ากับหน้าแข้งอย่างแรง

ตอนแรกแค่มีรอยฟกช้ำธรรมดาเท่านั้น ลูกก็กลับมาเล่าให้ฟังว่า ยกของแล้วขากระแทกเข้าที่หน้าแข้ง เจ็บมาก พ่อก็ได้แต่เตือนไปว่าให้คอยระมัดระวังตัวเอง หายาทาและกินยาแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการ แต่ตัวน้องกอล์ฟเองก็ยังฝืนไปทำงาน ซึ่งต้องยืนทั้งวัน เริ่มมีอาการขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคิดว่าไม่เป็นไร เพราะน้องเขาแข็งแรงดี

 

 

ก่อนรอยช้ำขยาย และ มีอาการขาบวม จึงบอกให้น้องกอล์ฟไปหาหมอ แต่ลูกบอกว่าไม่เป็นไร ทายาเดี๋ยวก็หาย ฝืนไปทำงานทุกวัน จนกระทั่งทนไม่ไหว เพราะเกิดการเจ็บปวด จึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลนครปฐม หมอให้แอดมิตที่โรงพยาบาล พร้อมกับให้ยา รอผลการวินิจฉัยของแพทย์ระบุเบื้องต้นว่า เป็นกล้ามเนื้ออักเสบ และให้กลับบ้านมารักษาตัว

จากนั้นผ่านไปเพียง 1 อาทิตย์ น้องกอล์ฟก็กลับเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลอีก เพราะมีอาการบวมอักเสบมากขึ้นกว่าเดิม แผลขยายวงกว้าง อาการเลือดคั่งออกใต้ผิวหนังและเริ่มลุกลามขึ้นมาที่หน้าขา แต่เป็นที่ขาเพียงข้างเดียวเท่านั้น ในระหว่างที่รออยู่โรงพยาบาล แพทย์ได้รอดูอาการ พร้อมตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ หลังจากที่หมอตัดชิ้นเนื้อไปได้ 2 วัน จึงให้ลูกกลับบ้าน ตนก็พูดไม่ออก เพราะหมอก็ยังไม่บอกว่าลูกเป็นอะไร เนื่องจากต้องรอผลก่อน เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้าน ก็ได้แต่นอนไม่ได้ออกไปไหน ตนก็ออกไปทำงาน ถึงเวลาก็หาข้าวมาให้น้องกอล์ฟกิน เพราะยังเดินไม่สะดวก หลังจากผ่าตัดชิ้นเนื้อไป

 

 

จนกระทั่งผลออก แพทย์ที่ให้การรักษา แจ้งกับน้องกอล์ฟ ว่า ป่วยเป็นมะเร็ง โดยตนรู้สึกไม่พอใจ ว่าทำไมจะต้องมาบอกคนไข้ ทำให้จิตใจไม่ดี จิตตก ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องบอกให้คนไข้ทราบ วิธีการพูดมีมากมาย บอกว่าเป็นโรคผิวหนังหรืออะไรก็ได้ เพื่อให้คนไข้มีกำลังใจอยู่ต่อ ดีที่ไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่แพทย์ได้เรียกตนเข้าไปพูดคุยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ไม่รอดนะ

คาดว่าใช้ระยะเวลานานจนเกินไป น้องกอล์ฟนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 1 เดือน แต่ยังไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจเพราะยังหายใจเองได้อยู่ เมื่อน้องกอล์ฟทราบว่าเป็นมะเร็ง ผมได้แต่ปลอบใจให้สู้ โรคมะเร็งสมัยนี้รักษาได้แพทย์เก่ง พ่ออยู่ใกล้ๆไม่ต้องกลัว พ่อจะหายาดีๆมารักษา กอล์ฟจะต้องสู้ไปด้วยกันกับพ่อ

เราให้กำลังใจกัน ผมกับภรรยาดูแลกอล์ฟตลอดระยะเวลาที่กอล์ฟอยู่โรงพยาบาล ตอนแรกอยู่ห้องผู้ป่วยรวม จากนั้นได้ไปจองขออยู่ห้องพิเศษ เพราะอยากให้ลูกอยู่ที่สบาย อยู่ได้เพียง 2 อาทิตย์ อาการก็เริ่มหนัก เพราะมีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น เดินไม่ไหวต้องพยุงเข้าห้องน้ำ แต่พูดคุยได้เพราะไม่ได้ใส่ท่อเจาะคอ

 


เรื่องโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นกับน้องกอล์ฟครั้งนี้ ผมคิดว่าในร่างกายของน้องอาจมีเชื้อมะเร็งอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ทราบ เมื่อร่างกายไปกระแทกอย่างแรง จึงทำให้เกิดการกระทุ้ง หรือ กระตุ้นโรคขึ้นมา ประกอบกับการวินิจฉัยล่าช้าจนเกินไป อาการเริ่มแรกนั้นเป็นเพียงแค่อาการบวมช้ำเล็กน้อยยังไม่บานปลายเท่าไหร่ ซึ่งตอนที่มีชีวิตอยู่เขาก็ใช้ชีวิตปกติ ออกไปทำงานขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นฟิตเนส ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่

ผมมีลูกคนเดียวปกติเขาจะทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงนี้งานน้อยลง ค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงชวนกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน ผมได้ไปช่วยขนของและรับลูกกลับมา

สภาพจิตใจของผมตอนนี้ ไม่มีกำลังใจแล้ว หมดกำลังใจ คิดอะไรไม่ออก ตันไปหมด ที่เห็นว่าผมยิ้ม ผมพูดคุย ผมฝืนทำไป มันเกิดขึ้นมาแล้ว มันย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้

 

 

นายวัลลภ ได้ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆครอบครัวด้วยว่า เรื่องราวแบบนี้หากไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา คงไม่รู้ ผมอยากจะบอกว่าคนเราอย่าชะล่าใจจนเกินไป แข็งแรงมากแค่ไหน โรคก็ยังฝังตัวอยู่ในร่างกายของเรา มะเร็งมาได้ทุกเมื่อ มะเร็งมาตามอากาศ มาจากอาหารการกิน มาจากยาที่เรากินเข้าไป มันมาทุกด้าน แต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น

ขนาดน้องกอล์ฟเข้าฟิตเนส แข็งแรง มีกล้าม ก็ยังสู้กับมะเร็งไม่ได้ อย่างน้อยหากเป็นอะไรนิดหน่อยก็ต้องตรวจร่างกายแล้ว อยากให้ลูกผมเป็นตัวอย่าง ว่าอย่าชะล่าใจ อย่าคิดว่าเจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไร บางคนถูกหนามตำเสียชีวิตก็มี เพราะติดเชื้อ อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์เป็นบทเรียนที่มีราคาแพงมากและหาค่าไม่ได้กับชีวิตคน

 

 

 

 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.