กำลังเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจถูกแชร์ส่งต่อในโลกสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ ต่อโพสต์จากผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @ loveall_nct ออกเล่าถึงเหตุการณ์ ที่เธอเคยถูกกักตัวจากเจ้าหน้าที่สนามบินของไทย เมื่อครั้งเดินทางกลับจากอู่ฮั่น โดยบอกว่า จุดประสงค์ เพื่อต้องการอยากให้ประชาชนที่สงสัย ได้รับรู้ว่าเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานคัดกรองไวรัสโคโรนา ที่สนามบิน เขาทำงานกันอย่างเต็มที่จริง ๆ  

โดยเธอเล่าว่า ตนนั่งเครื่องจากเมืองฮาร์บิน ไปถึงสนามบินอู่ฮั่นตอน 19.00 น. และขึ้นเครื่องจากอู่ฮั่นกลับไทยตอน 22.40 น. เท่ากับเราอยู่อู่ฮั่น 3 ชม. กว่า ๆ ก่อนกลับไทย 1 สัปดาห์ ตนป่วยเป็นคออักเสบ มีอาการไข้ขึ้นเป็นระยะ ในคอมีตุ่ม มีน้ำมูก เสียงแหบ เวียนหัว พอถึงสุวรรณภูมิ ตอนออกจากงวงช้างจะมีเจ้าหน้าที่ยืนขนาบทั้งซ้ายขวา ข้างละประมาณ 4 - 5 คน ทุกคนสวมหน้ากาก N95 ทางขวามือมีเครื่องคล้าย ๆ ทีวี (คาดว่าเอาไว้จับอุณหภูมิคน)

ตนเดินออกเป็นคนสุดท้าย พอจะพ้นประตูก็มีเจ้าหน้าที่พูดขึ้นว่า “ผู้หญิงเสื้อดำ ๆ” หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มากักตัวตนไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก มีทีมเจ้าหน้าที่พร้อมรถเข็น หมอเดินมา และถามว่าใช่คนไทยไหม? จากนั้นก็ขอพาสปอร์ต และบอร์ดดิ้งพาส สอบถามข้อมูลส่วนตัวทุกอย่าง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจริง ๆ

ตนได้บอกเจ้าหน้าที่แล้วว่า ตนป่วยเป็นคออักเสบ และเรียนที่ฮาร์บินแค่ 1 เดือน ส่วนอู่ฮั่น คือที่ที่ตนไปเปลี่ยนเครื่องเพื่อกลับไทย แต่หมอวัดไข้ตนได้ 37.8 ดังนั้น ตามมาตรการแล้ว ตนจะต้องถูกส่งไปสถาบันบำราศนราดูร ในคืนนั้นเลย

เจ้าหน้าที่ให้ตนนั่งรถเข็น และพาไปที่ห้องชั้นล่าง และนอนพักเพื่อรอรถพยาบาล ระหว่างนั้นพี่เจ้าหน้าที่ที่อยู่กับตนพูดดีมาก ชวนคุยตลอดเพื่อไม่ให้ตกใจ รู้สึกดีมาก และลดความกังวลไปได้เยอะ พี่เขาช่วยตนเปลื่ยนซิมโทรศัพท์ (เพราะก่อนหน้านี้ตนใช้โทรศัพท์ของพี่เจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อพ่อแม่ และบอกให้ไปรอที่สถาบันบำราศนราดูร) จากนั้นตนก็นอนหลับในห้องรอรถพยาบาล

เมื่อรถพยาบาลมาถึง เจ้าหน้าที่ก็พาตนขึ้นรถ มีการซักถามว่าเรียนที่ไหน แล้วไปทำอะไรที่อู่ฮั่น เมื่อมาถึงสถาบัน เจ้าหน้าที่ก็พาตนไปห้องแยกเชื้อ ในห้องนั้นมีประตูกั้นสองชั้น เจ้าหน้าที่ 2 คน มาเก็บตัวอย่างเลือด มีการตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่ มีการเก็บตัวอย่างเสมหะ และอีกหลายอย่าง ตัวอย่างถูกส่งไปตรวจ 2 ที่ ระหว่างที่อยู่ในห้องแยกเชื้อ การคุยกับแพทย์จะคุยผ่านทางโทรศัพท์ที่ฝังในกำแพง ภายในห้องมีกล้องวงจรปิดเพื่อเฝ้าดูอาการ ก็คือจะไม่มีการให้บุคลากรเข้ามาในห้องตนเลย ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ทางสถาบันดูแลดีมาก มีแพทย์เข้ามาดูอาการ และให้ยา เมื่อผลตรวจยืนยันจากทั้ง 2 สถาบันแล้วว่าเราไม่มีเชื้อ ตนถึงได้ออกมา เมื่อพบความผิดปกติ เจ้าหน้าที่ให้ตนสวมใส่หน้ากากทันที