กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "นิมนต์ ใจตรง" ได้โพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก "ไชโยราชบุรี" ว่า "ลูกข่ายแจ้งมาตรวจสอบด้วยครับ เหตุลูกปืนตกใส่หลังคาอู่ทะลุเกือบโดนถังแก๊สติดรถขนาด 58 ลิตร ที่ลูกค้าถอดซ่อมไว้ ซึ่งข้างในมีแก๊สตกค้างอยู่ด้วย แถวอู่ประกิต ต.เจดีย์หัก โชคดีที่ไม่โดน" ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่ อู่ประกิตเซอร์วิส ตั้งอยู่เลขที่ 231 ม.1 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี เพื่อพบ นายประกิต เรืองโรจนพร อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ดังกล่าว ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูยังจุดที่พบกระสุนตกใส่ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณกลางอู่ โดยพบกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่ใกล้ถังแก๊สติดรถยนต์ ขนาดความจุ 58 ลิตร ภายในถังแก๊สยังมีแก๊สเหลืออยู่ และจากการตรวจสอบพบว่าลูกกระสุนปืนที่ตกใส่ห่างจากถังแก๊สเพียง 15 เซนติเมตร เท่านั้น ส่วนที่หลังคากระเบื้องของอู่พบเป็นรูโหว่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรอยของรูกระสุนที่ตกใส่

 

จากการสอบถาม นายประกิต เจ้าของอู่ประกิตเซอร์วิส ได้เล่าให้ฟังว่า ตนได้เปิดอู่ซ่อมรถยนต์มานานแล้ว และพักอาศัยอยู่ที่อู่แห่งนี้กับครอบครัว ซึ่งอยู่ด้วยกัน 8 คน มีเด็กอายุเพียง 1 ขวบเศษ 1 คน และอายุ 11 ขวบ อีก 1 คน โดยเมื่อช่วงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค.63 คือคืนวันขึ้นปีใหม่ ตนได้ยินเสียงดังเหมือนเสียงพลุ เสียงประทัด และเสียงปืน จากนั้นสักครู่เดียวตนก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรตกลงมาใส่หลังคาอู่ แต่ตนก็ไม่ได้ออกไปดู เนื่องจากคิดว่าเป็นเสียงของเศษก้อนหินตกใส่ จากนั้นรุ่งเช้าตนกับครอบครัวและลูกน้องได้ทำความสะอาดอู่ เพื่อทำบุญอู่ ช่วงที่ลูกน้องกำลังเก็บกวาดอู่อยู่นั้น ก็ไปพบกับหัวลูกปืนตกอยู่ใกล้ถังแก๊สติดรถยนต์ ซึ่งภายในนั้นมีแก๊สเหลืออยู่ด้วย และเมื่อมองขึ้นไปยังหลังคาอู่ก็พบว่าเป็นรูโหว่ ลูกน้องจึงรีบเรียกตนมาดู ตนเองก็ตกใจมากเพราะจุดที่ลูกปืนตกใส่นั้นอยู่ห่างถังแก๊สติดรถยนต์ ขนาดความจุ 58 ลิตร ที่ลูกค้านำมาซ่อมแล้วให้ทางอู่ถอนออกแต่ยังไม่ได้นำกลับไป เพียงนิด ซึ่งถ้าโดนถังแก๊สก็อาจทำให้เกิดระเบิดได้ ตนจึงให้ลูกน้องเก็บหัวลูกปืนไว้เป็นหลักฐานเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ แต่เนื่องจากวันที่ 1 ม.ค. ตนต้องรีบเดินทางไปต่างจังหวัด ตนจึงไม่ได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ จนวันนี้ตนก็เปิดอู่ซ่อมรถแต่เช้าและตั้งใจจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่กับมีรถลูกค้าเข้ามาซ่อมเป็นจำนวนมาก ตนจึงยังไม่มีเวลาไปแจ้ง จนมีลูกค้าที่นำรถมาซ่อมที่อู่เห็นเข้า และได้ถ่ายรูปแชร์ไปให้กับทางผู้สื่อข่าว จนเป็นข่าวดังกล่าว