หวิดดับส่งท้ายปี ! "ผอ.โรงเรียนดัง" ขับเก๋งเสยรถพ่วงบรรทุก ร่างติดคาซากรถ ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว
26 ธ.ค. 2562, 08:38
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 ธ.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.อำนาจ พุ่มวงษ์ สารวัตรสอบสวน สภ.ป่าโมก ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เหตุเกิดที่บริเวณถนนอยุธยา - อ่างทอง (สายเก่า) หน้าบริษัท ร่วมกิจอ่างทองคลังสินค้า จำกัด หมู่ที่ 5 ตำบลบางปลากด อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดออกไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง และเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลป่าโมก
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-0645 สิงห์บุรี และด้านท้ายพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-0646 สิงห์บุรี ซึ่งมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลตีส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กง 9518 อ่างทอง ชนติดอยู่กับพ่วงรถบรรทุกพ่วง สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ในรถฝั่งคนขับพบผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในซากรถยนต์ มีเลือดออกที่ศรีษะจำนวนมาก ใบหน้าด้านซ้ายบริเวณเบ้าตายุบ และกะโหลกยุบหนังศีรษะเปิดหายไป ทราบชื่อต่อมา นาย ประทีป ศรีเพชรเจริญ อายุ 34 ปี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนวัดน้ำพุ ตำบลสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องมือตัดถ่าง พร้อมกับใช้รถยกดึกซากรถยนต์ แล้วทำการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บออกมา และส่งให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำตัวส่งโรงพยาบาลป่าโมก แต่ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสจึงได้นำตัวส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลอ่างทอง และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบถาม นายสาคร มูลเหลา อายุ 32 ปี คนขับขี่รถบรรทุกพ่วง เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ขับรถบรรทุกน้ำตาลมาโกดังสองจากแยกป่าโมกมุ่งหน้าตรงไปยังอำเภอเมืองอ่างทอง โดยชะลอความเร็วเพื่อเลี้ยวรถบรรทุกพ่วงเข้าโรงงานที่อยู่ด้านขวามือที่จะเลี้ยวเข้าโรงงาน และได้ยินมีเสียงดังมาจากด้านหลังรถพ่วง เมื่อมองดูกระจกหลังพบว่าเป็นรถยนต์เก๋งชนท้ายตนเอง จึงรีบลงไปดูก่อนโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าให้การช่วยเหลือ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการบันทึกภาพในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งสอบสวนผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วง รวมถึงหาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถยนต์เก๋งขับขี่ตามหลังรถบรรทุกพ่วงมา ก่อนเกิดอุบัติเหตุชนท้ายอย่างจังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรอสอบสวนผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว เพื่อหาสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป