"อช.เขาแหลม" เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมายืนสูดอากาศที่บริสุทธิ์ สัมผัสลมหนาวบนยอดสันหนอกวัว
20 ธ.ค. 2562, 08:49
วันนี้ 19 ธ.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่าขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวแบบท้าทาย และการได้มีโอกาสขึ้นมาชมความงดงามของพระอาทิตย์ ตกดินก่อนจะลับทิวเขาตะนาวศรี ที่ตระหง่านอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของ อ.สังขละบุรี บนเขาสันหนอกวัว ก่อนจะได้ชมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า ที่ทาบทาด้วยสีทองอ่อนๆ หมอกบางๆที่ถูกลมหอบเอาความชื้นเหนือผืนน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ ที่อยู่ด้านล่าง ลอยขึ้นมาเป็นก้อนเมฆที่ปกคลุมผืนป่าเบื้องต่ำ ลมหนาวที่พัดโบก จนหนาวสั่นไปทั้งกายยามเช้าของวันรุ่งขึ้น ล้วนเป็นความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความท้าทาย และหลงรักธรรมชาติ ที่จะขอพาตัวเองขึ้นมายืนสูดอากาศที่บริสุทธิ์ สัมผัสลมหนาวบนยอดสันหนอกวัว แห่งนี้สักครั้งในชีวิต ทำให้ทุกวัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่ทาง อช.เขาแหลม เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาท่องเที่ยว ที่นี่จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ที่หลั่งไหลขึ้นมา ท่องเที่ยว พักผ่อน และเก็บภาพเป็นความประทับใจ
นายชนาธิป แซ่อึ้ง นทท.จาก.กทม.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า โดยปกติตนเองชื่นชอบการเดินป่า ปีนเขาอยู่แล้ว เมื่อได้ข้อมูลว่าสันหนอก เป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม เส้นทางเดินไม่ยากมากนัก จึงตัดสินใจเดินทางมากับเพื่อนๆ ซึ่งมาแล้วก็ประทับใจ เนื่องจากที่นี่เส้นทางเดินเป็นป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีความหลากหลายของพันธุ์ไม้ ที่สำคัญบนนี้สวยงามและเงียบสงบดี อากาศก็ดี คงต้องหาเวลามาเที่ยวอีกสักครั้งแน่นอน
สันหนอกวัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีระดับความสูงที่ 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งอยู่ทางเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี ในแนวเทือกเขาเขียว ที่เป็นป่าฝั่งตะวันตกของพื้นที่อุทยานฯ มีส่วนที่ติดต่อกับพื้นที่ป่าในเขตทุ่งใหญ่นเรศวร จึงมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ สภาพป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น และยังคงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ คำว่าสันหนอกวัว มาจากลักษณะของยอดเขาที่นูนออกมา รูปร่างคล้ายกับส่วนที่เป็นสันนูนบนหลังของวัว ที่เรียกว่าโหนก หรือหนอก แต่กว่าจะได้มาเป็นผู้พิชิตสันหนอกวัวคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกคนจะทำได้
ทุกครั้งก่อนจะพานักท่องเที่ยวขึ้นเขา จะต้องมีการพูดคุยและฟังการชี้แจงกฎข้อห้ามต่างๆ ระหว่างการท่องเที่ยว ในเส้นทางเดินป่าศึกษาระยะไกล สันหนอกวัว จากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สิ่งสำคัญที่สุดคือนักท่องเที่ยวต้องปฎิบัติตาม กฎระเบียบ และข้อห้ามต่างๆ เช่น ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิดขึ้นไป การถ่ายรูป ห้ามลำแนวเชือกที่เจ้าหน้าที่กั้นไว้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชัน ห้ามเดินออกนอกเส้นทางและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ที่จะคอยดูและให้คำแนะตลอดการเดินทาง ห้ามส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น ห้ามจุดพลุบนเขา เป็นต้น...เสียง นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หน อช.เขาแหลม หลังจากทำความเข้าใจกฎ กติกา ข้อห้ามต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเดินทางจึงเริ่มต้นขึ้น โดยเจ้าหน้าที่จะขับรถนำไปยังจุดเริ่มเดินเข้าไปในป่า บริเวณเชิงเขาหัวโล้น ระยะทางประมาณ 8 กม.จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้เวลาประมาณ 15นาที
จากนั้นต้องใช้การเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวแต่ละชุด (6-7)คน จะมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯเป็นผู้นำทาง1คน พร้อมลูกหาบที่ว่าจ้างช่วยในการแบกสัมภาระ ระยะทางจากด้านล่างไปยังจุดตั้งแค้มป์บนเขามีระยะทาง ประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง
เส้นทางในช่วงแรก จะเป็นการเดินป่าดงดิบสลับกับป่าเบญจพรรณ ที่มีไม้ไผ่เป็นหลัก ในช่วงที่เป็นป่าดงดิบจะสามารถพบเห็น ต้นไม้ขนาดใหญ่หลากหลายชนิดขึ้นปกคลุม จนแสงแดดไม่สามารถส่องถึงพื้น ซึ่งส่งผลดีต่อการเริ่มออกเดิน อากาศที่เย็นสบาย ช่วยให้ไม่เหนื่อย ระหว่างทางมีดอกไม้ป่านานาชนิด แข่งกันออกดอกชูช่อ อวดความงามให้ชม เส้นทางในช่วง 5 กม.แรก เป็นทางเดินขึ้นลง สลับกันไป โดยมีจุดพักเหนื่อยให้พักเป็นระยะๆ ระหว่างทางจะมีป้ายบอกเส้นทางและป้ายเตือนต่างๆเป็นระยะๆ
จนเมื่อเดินทางมาถึงเนินหมาถอย ซึ่งเป็นช่วงที่เส้นทางเริ่มมีความชันมากขึ้น แต่ทางอุทยานได้นำเชือกมาผูกติดกับต้นไม้ข้างทางเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อาศัยเกาะ และดึงตัวเองขึ้นไปข้างบน เนินหมาถอยเป็นเส้นทางชันที่มีความยาวจากเชิงเขาด้านล่างถึงด้านบนประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้เพื่อจะได้เป็นผู้พิชิตสันหนอกวัว
เส้นทางต่อจากยอดเนินหมาถอย ก็จะเป็นการเดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จุดนี้ยังมีต้นไม้ และร่มเงาไม้อยู่มาก แต่การเดินขึ้นเขาชัน ทำให้เหนื่อยง่าย ควรพกน้ำดื่มระหว่างทางไปด้วย หากมีไม้เท้า หรือไม้ค้ำเดิน ก็จะช่วยผ่อนแรงในการขึ้นเขาได้ เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จะมาพบกับเนินปราบเซียน ซึ่งเป็นเนินสุดท้ายที่หากไม่ถอดใจเสียก่อน
หลังผ่านเนินปราบเซียนซึ่งเป็นเนินสุดท้ายบนเส้นทาง เส้นทางต่อจากนี้ก็จะเป็นลักษณะป่าดิบเขา ที่มีต้นไม้ใหญ่สลับต้นไม้เล็ก ที่มีลักษณะโปร่งโล่ง โดยมีลมภูเขาที่พัดมาเป็นระยะๆช่วยคลายความเหนื่อยล้า ได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาเดินต่อไม่นาน เมื่อเดินพ้นจากแนวป่า ภาพสันหนอกวัวก็ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าเรา ภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหญ้าและดอกไม้ป่า ลมที่พัดมาปะทะใบหน้าและร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบาย หลายคนอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือและกล้องถ่านรูปมาบันทึกภาพเก็บไว้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงคณะแรกๆก็จะเริ่มจับจองที่กางเต้นท์และนอนพักผ่อนรอเวลา แดดร่มลมตก เพื่อเดินขึ้นไปชมความงดงามของพระอาทิตย์ตกดินบนสันหนอกเล็กและหนอกใหญ่
หากใครยังมีแรงเดินต่อก็สามารถเดินขึ้นสันหนอกเล็ก เพื่อไปเลือกที่กางเต้นท์ค้างแรมบริเวณ แอ่งกระทะ ซึ่งเป็นที่ราบเล็กๆที่อยู่ระหว่าง สันหนอกเล็กและสันหนอกใหญ่ ของเขาสันหนอกวัว ซึ่งที่นี่สามารถกางเต้นท์ได้หลายสิบหลัง ที่สำคัญในการเดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันรุ่งขึ้น ใช้เวลาเดินอีกไม่นาน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนที่มาแล้วต้องทำ
การเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกล สันหนอกวัว ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมนอกจากเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจและชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัย ได้มีโอกาสเข้ามาท่องเที่ยว ศึกษาธรรมชาติ ในพื้นที่อุทยานฯโดยมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้คอยดูแล แนะนำ แล้ว กิจกรรมท่องเที่ยวนี้ยังเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่อยู่รอบๆพื้นที่อุทยานฯ เนื่องจากทางอุทยานเขาแหลมได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาเป็นมัคคุเทศก์และเป็นลูกหาบ โดยผ่านการอบรมจากทางอุทยานฯ เพื่อคอยบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบัน มีชาวบ้านที่เข้าร่วมเป็นมัคคุเทศก์และลูกหาบ ที่ขึ้นทะเบียนกับทางอุทยานกว่า 80 คน ด.ช.วีระ ศรีโกสน นักเรียนชั้น ม. 3 โรงเรียนบ้านท่าดินแดง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆอุทยานแห่งชาติเขาแหลมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติตนเองก็จะเข้าป่าหาของป่าขายกับพ่อในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำให้คุ้นเคยกับป่าในอุทยานฯเป็นอย่างดี เมื่อทางอุทยานฯเปิดรับสมัครลูกหาบ เมื่อ3 ปี ก่อนพ่อตนเองมาเข้าร่วมเป็นลูกหาบ มาปีนี้ตนเองจึงขอพ่อมาสมัครด้วย ดีใจที่ได้มาทำงานพานักท่องเที่ยวขึ้นเขาสันหนอกวัว ในแต่ละรอบตนเองจะได้เงินค่าจ้างจากการแบกของให้นักท่องเที่ยวประมาณ 1,300 บาท โดยจะเอาเงินให้แม่ 500 ที่เหลือจะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน ดีใจที่ทางอุทยานฯช่วยให้ชาวบ้านมีงานทำ
ด้าน นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หน.อช.เขาแหลม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานฯ เป็นนโยบายสำคัญของผู้บริหารกรมอุทยานฯ เนื่องจากการสร้างรายได้ให้ชาวบ้านจากการเข้ามาเป็นลูกหาบและมัคคุเทศก์ ของอุทยานฯทำให้ชาวบ้านเกิดความรัก ความหวงแหน และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมเคย เป็นคนที่ทำผิดกฎหมายอุทยานด้วยการเป็นพรานป่า ลักลอบตัดไม้ เนื่องจากไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ พื้นที่ทำกินไม่เพียงพอ ผลที่ดีที่ตามมาคือช่วยทำให้ปัญหาการบุกรุกป่าและล่าสัตว์ ในพื้นที่อุทยานฯลดน้อยลง ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นมัคคุเทศก์หรือลูกหาบ ก็จะมีการฝึกอบรม ให้ความรู้ในการดูและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว บุคคลเหล่านี้ก็จะทำหน้าเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ในระหว่างการพานักท่องเที่ยวขึ้นสันหนอกวัว และสันหนอกวัวจึงเป็นจุดหมายปลายทาง ของนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบความท้าทาย และชื่นชอบธรรมชาติ ที่รอวันมาเยือน
เส้นทางท่องเที่ยว ศึกษาธรรมชาติระยะไกล (เส้นทางสันหนอกวัว) เปิดให้บริการ ในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยกำหนดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้วันละไม่เกิน 160 คน
สำหรับประชาชนที่สนใจท่องเที่ยวในเส้นทางท่องเที่ยว ศึกษาธรรมชาติระยะไกล ( เส้นทางสันหนอกวัว) สามารถติดต่อสอบามได้ที่โทรศัพท์ เบอร์ 034-510-431 (ในเวลาราชการ)หรือ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เพจ Facebook อุทยานแห่งชาติเขาแหลม