เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหอการค้าไทย ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เคาะแผนกาญจนบุรีโมเดล ยกระดับเมืองนำร่อง
14 มิ.ย. 2567, 22:23
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ณ ห้องประชุมแควใหญ่ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน พร้อมด้วย นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายญนน์ โภคทรัพย์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และผู้บริหารหอการค้าไทยลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้การต้อนรับฯ และนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ รักษาการประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี นำเสนอแผนการขับเคลื่อนฯของจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายรณภพ เวียงสิมมา ว่าที่ร้อยตรี ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการหอการค้าในจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมฯ เพื่อรับฟังแนวทางและข้อเสนอการยกระดับศักยภาพภายในจังหวัดของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งนำเสนอแผน ผลักดันการท่องเที่ยว เพิ่มการจ้างงาน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดเป้าหมายยกระดับ 10 เมืองรองสู่เมืองหลัก
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เห็นชอบตามข้อเสนอของหอการค้าไทย ตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ นครพนม กาญจนบุรี ศรีสะเกษ แพร่ ลำปาง นครสวรรค์ ราชบุรี จันทบุรี ตรัง และนครศรีธรรมราช และได้ขับเคลื่อนไประยะหนึ่งแล้ว วันนี้ถือเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ 2 เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ติดขัด และหาโอกาสในการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ โดยต้นทุนการพัฒนาที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาเรื่องของการเร่งรัดสิทธิถือครองที่ดิน ด้านการท่องเที่ยว ชูศักยภาพ 4 ภูมิ ที่สำคัญ ได้แก่ ภูมิศาสตร์ ภูมิทัศน์ ภูมิประวัติศาสตร์ และภูมิธรรม เน้นการสร้างสรรค์กิจกรรมและกีฬาทางน้ำ ด้านแรงงานและเกษตร ต่อยอดไปสู่เมืองอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการในพื้นที่เองมีความสามารถที่จะช่วยต่อยอดสินค้าภาคเกษตรให้กลายเป็นสินค้าแปรรูปที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น ผลไม้แห้ง ที่ยังมีความต้องการมาก โดยเฉพาะตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ กาญจนบุรี ยังมีศักยภาพในเรื่องของการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เป็นพื้นที่ในการจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ดึงดูดการลงทุนในอนาคต รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะมาพร้อมการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ M81 อย่างเต็มรูปแบบในปี 2568 ซึ่งจะลดระยะเวลาการเดินทาง กรุงเทพฯ – กาญจนบุรีเหลือเพียง 45 นาที เชื่อว่าการดึงภาคเอกชน ประชาชน และศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ จะทำให้ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน และภาครัฐเป็นหนึ่งบวกหนึ่งที่ได้ผลมากกว่าสอง ช่วยกระจายความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำ นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าว
นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และ ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ รักษาการประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำเสนอศักยภาพและเป้าหมายของจังหวัด สู่การเป็น “History and Harmony in Nature เมืองหลักแห่งประวัติศาสตร์และสันติภาพโลก” ตั้งเป้าหมายผลักดัน GPP +15% ภายใน 5 ปี ผ่านการเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยว จาก 30,401 ล้านบาท เป็น 40,400 ล้านบาทต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นปีละ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว จำนวน 14.4 ล้านคน ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15.8 ล้านคน และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก 317,221 คน เป็น 380,666 คน รวมถึงส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับประชาชนท้องถิ่นผ่านการเพิ่มอัตราการจ้างงาน การพัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ด้วยแนวทาง Unlock Potential จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย
1) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ และก่อสร้างอาคารแสดงนิทรรศการบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว 2) โครงการก่อสร้างหอสันติภาพ บริเวณแหลมถั่วงอก/เกาะรัตนกาญจน์ 3) โครงการศรีสวัสดิ์โมเดล ประตูท่องเที่ยวแห่งภาคตะวันตก และ 4) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้มีการประชุมร่วมกับภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย ทั้ง 7 ภาคี ในการยกระดับจังหวัดกาญจนบุรีทั้งในมิติระดับจังหวัด มิติระดับภูมิภาค และมิติระดับประเทศ ไปสู่ระดับโลก
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทย ต้องขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรี ในการที่จะตัดสินใจยกระดับ 10 จังหวัดนำร่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ถือเป็นโมเดลที่ดีที่จะขยายผลไปยังแต่ละจังหวัด เชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงการทำงานทุกฝ่ายเข้าร่วมกัน โดยเฉพาะการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงประชาชน ซึ่งเอกชนเองก็พร้อมเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการลงทุนใน 10 จังหวัดที่เราเลือก รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาถ่ายทอดและยกระดับทักษะของคนในจังหวัด
สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งนี้ นับเป็นจังหวัดนำร่องที่ 2 ภายหลังจากที่ได้มีการลงพื้นที่จังหวัดนครพนม (นครพนมโมเดล) ภายใต้แผนการยกระดับเมือง 10 จังหวัด ที่จำเป็นต้องเร่งสร้างการเติบโตจากภายในประเทศด้วยการกระจายความเจริญและยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน รัฐบาลและภาคเอกชนมีเป้าหมายร่วมกันที่จะผลักดัน GDP ไทย ปีนี้โต 3% โดยเน้นส่งเสริมการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านคน จากเดิม 35.7 ล้านคน เป็น 36.7 ล้านคน ซึ่งจะช่วยเพิ่ม GDP Growth ได้อีกประมาณ 0.12% ซึ่งวันนี้เราได้เห็นถึงโอกาสที่จะยกระดับศักยภาพในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ไปสู่ Trade & Travel ระดับนานาชาติ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของท่านนายกฯในการผลักดันให้ไทยกลายเป็น Tourism Hub เชื่อมโยงกับภูมิภาค
นายญนน์ โภคทรัพย์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการยกระดับจังหวัด ผ่าน 3 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ 1) Unlock Potential ทั้งการสร้าง Landmark (Tourism, Cultural, and Food) ส่งเสริมเอกลักษณ์ อัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยที่ดี (Thainess) เชื่อมโยงโครงการ One Family One Soft Power (OFOS) การสร้างและยกระดับระบบคมนาคมพร้อมเชื่อมจังหวัดใกล้เคียง และเร่งการส่งเสริมการลงทุน และ Incentive ในพื้นที่ 2) การสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค (น้ำประปา ไฟฟ้า Speed Internet) ระบบสาธารณสุขและเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ทันสมัยทั่วถึง การสร้างเมืองรองเป็นโมเดลต้นแบบเมือง Net Zero รวมถึง ระบบจัดการขยะให้ครบวงจรด้วยระบบ (Reduce, Reuse, Recycle) และ 3) การช่วยเหลือเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้วยการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้ทั่วถึง เพิ่มรายได้ให้ SMEs (ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าของสินค้า) มีมาตรการส่งเสริมให้คนเก่ง (Talent) ที่เป็นคนไทยกลับสู่ภูมิลำเนาและแรงงานศักยภาพสูงชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในพื้นที่ และการส่งเสริมการจ้างงานเฉพาะ ทั้งคนพิการ และกลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง หากสามารถขับเคลื่อนภายใต้ 3 แกนหลักดังกล่าวจะเกิดการพัฒนาและยกระดับเมืองให้เกิดการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และสร้างรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูงขึ้นในอนาคตต่อไป
นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยสั่งการให้ทั้ง 10 จังหวัดวางแผนการขับเคลื่อนฯ ในการพิจารณาศักยภาพของจังหวัดในทุกมิติให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ซึ่งกระทรวงมหาดไทย พร้อมให้การสนับสนุนและขับเคลื่อนการดําเนินงานของคณะกรรมการฯ ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนจังหวัด (กรอ.จังหวัด) เพื่อให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่นๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์การขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเจริญมาสู่พื้นที่และยั่งยืน ต่อไป
สำหรับแผนขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ได้เริ่มดำเนินการเปิดตัวไปแล้ว 2 จังหวัด ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีกำหนดลงพื้นที่ 8 จังหวัดนำร่องที่เหลือ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ แพร่ ลำปาง นครสวรรค์ ราชบุรี จันทบุรี และตรัง โดยตั้งเป้ายกระดับเมืองนำร่องให้สำเร็จภายใน 3 ปี
จากนั้นเวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมเอราวัณ ชั้น4 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน พร้อมด้วย นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายญนน์ โภคทรัพย์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ รักษาการประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าวการขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน