วันนี้ ( 2 มิ.ย.67 ) นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมาจาก 3 สาเหตุ คือ น้ำเหนือ ที่ไหลมาจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบน   น้ำทะเลหนุน และน้ำฝน ที่ตกหนักในพื้นที่ ทำให้การแก้ปัญหาจะต้องร่วมกันทำงานวางแผนรับมืออย่างเป็นระบบตั้งแต่พื้นที่ตอนบน ตอนกลาง และตอนล่างก่อนระบายน้ำออกสู่ทะเล โดยกรุงเทพมหานคร

กรมชลประทานจะติดตามสถานการณ์น้ำเหนืออย่างใกล้ชิดและกำหนดเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ซึ่งในพื้นที่ตอนบนกรมชลประทานจะตัดยอดน้ำและหน่วงน้ำโดยใช้แก้มลิง เช่น ทุ่งบางระกำ บึงราชนก บึงบอระเพ็ด คาดว่า จะสามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่า 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แล้วค่อยๆปล่อยลงมาสู่พื้นที่ตอนกลางและตอนล่างส่วนพื้นที่ตอนกลางจะวางแผนจัดจราจรการระบายน้ำ โดยผันน้ำส่วนหนึ่งออกฝั่งตะวันออกผ่านคลองชัยนาท-ป่าสักและออกฝั่งตะวันตกผ่านคลองมะขามเฒ่า แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำน้อย เพื่อลดปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลผ่านกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ด้วย ขณะที่พื้นที่ตอนล่างกรุงเทพมหานครได้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วมที่มีทั้งหมด 737 จุด โดยเร่งตรวจสอบจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วม ตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อยและคลองมหาสวัสดิ์ พร้อมจัดเรียงกระสอบทรายบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันถาวร แนวฟันหลอและบริเวณแนวป้องกันที่มีระดับต่ำ และตรวจสอบสถานีสูบน้ำให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง การติดตามข้อมูลสภาพอากาศสถานการณ์น้ำ เร่งรัดกำจัดวัชพืช ขยะและสิ่งกีดขวางทางน้ำอื่นๆ และประสานขอความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์และกองทัพบกเร่งขุดลอกท่อระบายน้ำทั่วกรุงเทพมหานคร พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ประจำจุดสูบน้ำให้สามารถเร่งแก้ปัญหาได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะพื้นที่เขตชุมชนและพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ