นายกฯ "ไทย-มาเลเซีย" หารือทวิภาคี ผลักดันความร่วมมือรอบด้าน อำนวยความสะดวกและสร้างสันติสุขร่วมกัน
5 มี.ค. 2567, 08:33
วันนี้ (5 มีนาคม 2567) เวลา 09.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง) ณ โรงแรม The Langham นครเมลเบิร์น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
โดยบรรยากาศในการหารือเป็นไปอย่างดีมาก นายกรัฐมนตรีได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อย่างดี โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอ แนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 6 ประเทศ (Six Countries, One Destination) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือและฝ่ายมาเลเซียก็ยินดีรับนโยบายนี้
ในส่วนของการท่องเที่ยวนายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าราคาบัตรโดยสารเครื่องบินที่มีราคาสูง รวมทั้งช่วงเวลา Take off ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ในโอกาสนี้ไทยและมาเลเซียพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการผ่านแดนพร้อมทำให้เกิดเป็นผลรูปธรรมชัดเจน
ฝ่ายมาเลเซียพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนด้าน food security และอาหารฮาลาลของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นโอกาสทองของไทย
มีโอกาสได้หารือกันในเรื่องเกี่ยวกับ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อความสงบสุข โดยนายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อกระตุ้นกิจกรรมและเปิดโอกาสการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญควบคู่ขนานไปกับด้านความมั่นคง ซึ่ง นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเห็นด้วยว่า เมื่อเศรษฐกิจดี จะเกิดความเชื่อมั่น
ในโอกาสนี้มาเลเซียได้หยิบยกประเด็นเรื่องยางพาราซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ให้หารือ เรื่องการพิจารณาสนับสนุนการขายยางพาราให้แก่มาเลเซีย
นายกรัฐมนตรีได้แนะนำในมาเลเซียเกี่ยวกับกิจกรรม ITB ที่เบอร์ลินถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมทั้ง MIPIM 2024 ที่เมืองคานส์ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของโลกด้าน Infrastructure และ real estate ถือเป็นโอกาสสำคัญ ให้ไทยนำเสนอ โครงการ Landbridge ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อกระตุ้นกิจกรรมและเปิดโอกาสการท่องเที่ยว ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญควบคู่ขนานไปกับด้านความมั่นคง ซึ่ง นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเห็นด้วยว่า เมื่อเศรษฐกิจดี จะเกิดความเชื่อมั่น