รวบตัว ! "6 ผู้ต้องหา" แอบอ้างโครงการหลวง หลอกลงทุน พบเงินหมุนเวียนกว่า 269 ล้าน
30 ม.ค. 2567, 12:00
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม 6 ผู้ต้องหา ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
พฤติการณ์เมื่อต้นเดือน เมษายน 2565 ต่อเนื่องเดือน กรกฎาคม 2566 1 ในผู้ต้องหา ได้แอบอ้างว่าตนเป็นประธานโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิภูบดินทร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ มีหน้าที่ถือสมุดบัญชีและบริหารโครงการต่างๆประมาณ 28 โครงการ โดยผู้ต้องหาได้ร่วมกับชักชวนประชาชนทั่วไป ให้มาร่วมลงทุนในโครงการหลวงโดยให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกรรมาธิการโครงการหลวง และชักชวนให้ทำการลงทุนคือ ให้สมาชิกเสียค่าใช้จ่ายเพื่อรับผลประโยชน์ประมาณคนละ 75,000-100,000 บาท เพื่อรับผลประโยชน์ 13 ล้านบาทต่อหนึ่งโครงการ และหลังจากนั้นจะได้รับเงินจาก 50 หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานละ 1 ล้านบาท รวมเป็น 50 ล้านบาท และการลงทุนอีกรูปแบบ คือ จะนำเงินของสมาชิกไปปลดล็อกระบบเงินในบัญชี โดยจะให้ผลตอบแทนสูง เช่น ลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 4 ล้านบาท หรือ ลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 5 ล้านบาท เป็นต้น โดยมีการชักชวนสมาชิกผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งต่อมามีผู้เสียหายจำนวน 8 ราย หลงเชื่อและร่วมลงทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 787,090.34 บาท
ต่อมาผู้เสียหาย ได้สอบถามไปยังกลุ่มของผู้ต้องหาซี่งอ้างว่าเป็นผู้บริหารของโครงการต่างๆ ถึงเงินที่จะได้รับ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา และไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงเอาทรัพย์สินไป จึงได้มาพบพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหากับพวก ให้ได้รับโทษตามกฎหมาย
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจค้นจำนวน 7 จุด ในพื้นที่กทม. ,ฉะเชิงเทรา ,ลพบุรี ,นครศรีธรรมราช และ สงขลา โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 6 ราย ตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด จำนวนกว่า 100 รายการ อาทิ เช่น สมุดบัญชี 54 เล่ม,รถยนต์หรู 3 คัน คอมพิวเตอร์ 17 เครื่อง,กระเป๋าแบรนด์เนม 5 ใบ,นาฬิกาหรู 2 เรือน,แหวนเพชร 1 วง ,กล้อง DSLR 5 ตัว เหรียญเฉลิมพระชนพรรษา 100 ชิ้น ,โฉนดที่ดิน 4 ฉบับ ในพื้นที่ จ.พัทลุง จ.สงขลา มูลค่ากว่ารวม 16 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่า พฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ แอบอ้างมูลนิธิฯ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจะชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ต่างๆ อาทิเช่น กลุ่มแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง , โครงการในดวงใจ, หัวใจพระราชา เป็นต้น ซึ่งในไลน์กลุ่ม ผู้ต้องหากับพวก จะส่งภาพถ่ายขณะประชุมงาน โดยแอบอ้างว่าเป็นการประชุมของมูลนิธิฯ บางครั้ง ก็แอบอ้างว่าเป็นการประชุมกับผู้ใหญ่รัฐบาล จากการตรวจสอบพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อเข้าเป็นสมาชิกในไลน์กลุ่ม และโอนเงินให้ นางชยาวรรณฯ จำนวน 900 กว่าราย เป็นเงินประมาณ 269 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาจะใช้บัญชีธนาคารของตนเองเป็นบัญชีรับโอนเงินลงทุนจากผู้เสียหาย ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีของคนอื่นๆ หมุนเวียนกันไป อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายังคงให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. จะได้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหานี้เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด หากประชาชนท่านใดหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้ กับพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ณ ศูนย์รับแจ้งความ ตำรวจสอบสวนกลาง ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ