ตลาดนัดแก้หนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบถูกมาเฟียทวงหนี้โหดสำเร็จแล้ว 20 ราย
14 ม.ค. 2567, 21:43
วันที่ 14 มกราคม 67 ที่ห้องประชุมเกาะหลัก ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ตลาดนัดแก้หนี้ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยมีนายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบฯ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม
ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งเป็นศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ทั้งในระดับจังหวัด และระดับอำเภอ ซึ่งได้ดำเนินการรับลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน มีผู้มาลงทะเบียนทั้งสิ้น 1,086 ราย มูลค่าหนี้รวม 59,724,744 บาท และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับลูกหนี้ไปแล้วจำนวน 20 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.84 % ของผู้มาลงทะเบียน
นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ประธานในพิธี เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวัน Kick Off เริ่มต้นของการจัดกิจกรรม ตลาดนัดแก้หนี้ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยต่อไปทุกๆสัปดาห์ที่ 2 ของแต่ละเดือน จะมีการจัดตลาดนัดแก้หนี้พร้อมกันทุกจังหวัดทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบ รวมไปถึงหนี้ในระบบที่ประชาชนอยากให้ภาครัฐเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ โดยจะมีสถาบันการเงิน 2 แห่ง เข้ามาให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน คือ ธนาคาร ธ.ก.ส.และธนาคารออมสิน ซึ่งธนาคาร ธ.ก.ส.จะดูแลลูกหนี้ที่เป็นเกษตรกร ส่วนธนาคารออมสินจะดูแลในส่วนของลูกหนี้ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าและบุคคลทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับลงทะเบียนลูกหนี้ที่มีความประสงค์จะให้ภาครัฐช่วยเหลือ ทั้งที่เข้ามาแจ้งลงทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด-อำเภอ และผ่านระบบไทยดี(ThaiD) จำนวน 1,086 ราย มูลค่ารวม 59,724,744 บาท และที่สามารถไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความแก้ปัญหาหนี้ไปแล้ว 20 ราย โดยกิจกรรมในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นการไกล่เกลี่ยประนีประนอมให้กับลูกหนี้ คลินิกให้คำแนะนำปรึกษาทางด้านกฎหมาย และระเบียบการต่างๆจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้ที่สนใจอยากมีรายได้เสริมยามว่างที่สามารถนำกลับไปทำที่บ้านได้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้ และสามารถลืมตาอ้าปากในการประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงต่อไป
ป้าไหม แม่ค้าขายก๋วยจั๊บในพื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย เปิดเผยว่า ตนเองได้กู้เงินนอกระบบในอัตราร้อยละ 10 บาท มาจากแก๊งปล่อยเงินกู้เพื่อเอามาลงทุนขายของ แต่ได้ทยอยกู้มาทีละ 10,000 บาท ถึง 20,000 บาท และได้ทยอยจ่ายไปเรื่อยๆบ้างแล้ว แต่เนื่องจากดอกเบี้ยแพงจึงจ่ายไม่ยอมหมดเสียที ซึ่งตอนนี้ยอดหนี้ที่กู้มาสะสมรวมแล้ว 50,000 บาท และตนเองต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับแก๊งเงินกู้เดือนละ 5,000 บาท แต่ขายของได้กำไรแค่วันละ 200-300 บาท จึงทำให้เงินไม่เพียงพอใช้จ่ายในครอบครัว และไม่พอใช้หนี้สินที่ยืมมา จึงอยากให้ภาครัฐช่วยเหลือในการปลดหนี้เกี่ยวกับลดอัตราดอกเบี้ยให้ถูกลงกว่าร้อยละ 10 บาท หนี้ของตนจะได้หมดเพราะตนเองได้จ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ไปบ้างแล้ว